MGR Online - ผบช.น.ย้ำอย่าให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ส่วนการปิดการจราจรถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายเพราะกระทบต่อคนส่วนใหญ่
จากกรณีกลุ่มจักรยานยนต์ปลดแอกสองชาวล้อรวมตัวกว่า 100 คน ประท้วงเจ้าหน้าที่เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากมีคลิปตำรวจปะทะจักรยานยนต์ พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมให้จักรยานยนต์ขึ้นสะพาน ลงอุโมงค์ได้นั้น
วันนี้ (28 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.กล่าวว่า ได้สั่งการแล้วว่าการบังคับใช้กฎหมาย ขอให้ใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไว้เพื่อป้องปราม เพราะผู้กระทำความผิดไม่ใช่โจร ฉะนั้นการใช้ดุลพินิจกฎหมายเขาจึงบัญญัติเอาไว้ว่า ให้ว่ากล่าวตักเตือนได้ เพราะฉะนั้นหากพี่น้องประชาชนไม่ได้เจตนาไม่ได้ตั้งใจก็ขอให้ตำรวจใช้ดุลพินิจในการที่จะจับกุม รวมทั้งการพูดจา ยึดกุญแจ เราก็ต้องปรับแก้ด้วย เราก็ต้องให้กำลังใจทั้งสองฝ่าย อะไรที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ยังมีผู้บังคับบัญชาที่คอยจะชี้แจงและปรับแก้ไขให้ แต่จะไม่ใช้กฎหมู่ เราเลือกส่วนใหญ่ไว้ก่อนเพื่อยึดมั่นในกฎหมายโดยให้สะดวกแก่พี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะฉะนั้นตำรวจที่ปฏิบัติงานตรงนี้ก็ขอให้คำนึงถึงหน้าที่ตรงนี้ด้วย ปฏิบัติต่อพี่น้องประชาชนด้วยความสุภาพ เรียบร้อย และนิ่มนวล แต่หากทำให้จราจรติดขัดนั้นไม่ควร เพราะฉะนั้นเพื่อประโยชน์โดยรวม การบังคับใช้กฎหมาย หรือการละเมิดกฎหมาย ทุกอย่างดำเนินไปตามกฎกติกา มีอะไรคุยกันด้วยเหตุและผล และยอมรับในเสียงส่วนใหญ่ เราจะใช้หลักกฎหมายอย่างเป็นธรรมเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย และไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติเป็นหลัก
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า หากว่าเป็นกรณีของการปิดการจราจรก็ต้องดำเนินคดี เพราะว่าไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานจราจร และหากว่าท่านทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับในความผิด เพราะว่าจะเอากฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ บ้านเมืองจะเกิดความสงบเรียบร้อยได้อย่างไร เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หากศึกษากฎหมายจราจรจะพบว่าเราศึกษาประเทศเราแล้วไปเทียบเคียงกับประเทศที่เจริญแล้วเอามาปรับใช้ในบางส่วน โดยคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก เพราะกฎหมายที่ออกมาใช้นั้นต้องเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ และขอความร่วมมือให้รู้รัก สามัคคี เราคุยกันด้วยเหตุและผล และพวกเราก็จะร่วมมือร่วมใจกันเดินหน้าประเทศไทยทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างแน่นอน
