แฉหุ้นส่วนอิทธิพลเป็นนักข่าวใหญ่ “อาเจ้เรียกพี่” ข้าราชการน้อยใหญ่แห่งเมืองนนท์หงอกันถ้วนหน้า ตำรวจชั้นผู้น้อยแฉแหลกอบายมุกท่วมเมือง“ตีตั๋วเด็ก”แถมจ่ายแต่เจ้านายพอเกิดเรื่องลูกน้องรับเคราะห์
จริยธรรมวิชาชีพของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 1.ส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพของการเสนอข่าวและความคิดเห็น 2.ให้ประชาชนได้ทราบข่าวเฉพาะที่เป็นจริง การเสนอข่าวสารใด ๆ ออกพิมพ์โฆษณาเผยแพร่ ถ้าปรากฏว่าไม่ตรงต่อความเป็นจริง ต้องรีบจัดการแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว 3.ในการได้มาซึ่ง ข่าว ภาพ หรือข้อมูลอื่นใด มาเป็นของตน ต้องใช้วิธีการที่สุภาพและซื่อสัตย์เท่านั้น 4.เคารพในความไว้วางใจของผู้ให้ข่าว และรักษาไว้ซึ่งความลับของแหล่งข่าว 5.ปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยมุ่งหวังต่อสาธารณประโยชน์ ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หรือหมู่คณะโดยไม่ชอบธรรม 6.ไม่กระทำการอันเป็นการบั่นทอนเกียรติคุณของวิชาชีพ หรือความสามัคคีของเพื่อนร่วมวิชาชีพ.....
00000.....สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รัก พบกันตามเคยท่ามกลางสถานการณ์ “ข่าวร้อน”ทั้งแวดวงการบ้าน การเมือง การทหาร ตำรวจ ชาวไร้ ชาวนา ยัน “น้องเบส” นักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ...แจ้งเกิดเพราะฝีปากดี แต่กำลังชีพจรเต้นแผ่วใก้ลตายก็เพราะปาก.....”บิ๊กเกรียน”คนจั่วหัวข้อจริยธรรมวิชาชีพของนักข่าว ไม่ใช่ดีเด่มาจากไหน...ก็แค่นักข่าวเก่า-แก่ เป็นมนุษย์อุจาระเหม็นธรรมดาๆ ย่อมมีทั้งโลภ โกรธ หลง...แถบ้าง..เอียงบ้าง...ชั่วมาก ชั่วนิดหน่อย หรือพออาศัยได้ข้อเขียนคือสิ่งพิสูจน์.....ทันทีที่นั่งเขียนหนังสือนักข่าวเก่า - แก่อย่างกระพ้มต้องพยายามสะกดด้านมืด...ตัดความอคติ...ตัดความรัก โลภ โกรธ หลง เหลือแต่ประโยชน์ของสาธารณะให้มากที่สุด.....การเป็นนักข่าว-นักเขียนสมัยนี้บ่องตงว่าทำมาหารับทานไม่สบายบื๋อ-สะดือโบ๋เหมือนตะก่อน....ยิ่งเป็นสื่อออนไลน์เขียนมั่ว ใส่ความเห็นส่วนตัวไปมากๆประเดี๋ยวบรรดาคุณพี่ผู้มีอุปการะคุณก็เข้าคิวสวดชะยันโตถึงขั้น “เสียหมาแก่-เฝ้าบ้าน”กันได้ง่ายๆ...ก็คนอ่านนี่แหละเขาโง่ที่ไหน...มาเหลี่ยมมุมอะไรรู้ทันเราหมด...ทางรอดของสื่อปัจจุบันก็คือต้องขายความจริง แม้ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย-แต่คนตายมักเป็นคนพูดความจริง ก็ตามเถอะ เมื่อขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่ก็ต้องกล้า และบ้าพอที่จะนำเสนอในสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมข้อมูลในเชิงกว้าง เชิงลึก
00000.....ท้าทายสังคม “ผับอิทธิพล-ลีลาวดี”!!?? เปิดถึง 6 โมงเช้า - ตำรวจถูกยิงตายปิดข่าวเงียบ...” หัวข่าวสะดุดใจ...ข่าวเดี่ยว-เจ้าเดียว” ที่ทีมงานอาชญากรรม MGR ออนไลน์ “เจาะ”นำเสนออย่างทันท่วงทีหลังถูก “มือดี -ปิดข่าว”นานถึง 5 วัน....เกิดอะไรขึ้นในจังหวัดนนทบุรี...หรือจังหวัดห่างจากเมืองหลวงแค่ปลายจมูกไม่มีนักข่าว -ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัด...หรือตำรวจกับเจ้าของสถานบริการอิทธิพล “จับมือ” ปิดหู ปิดตา ปิดปากกันได้สนิท -เนียนกระทั่ง “แมลงวัน” ทุกสำนักไม่ได้กลิ่นแม้แต่น้อย...สรุปเหตุการณ์พอสังเขปให้ตามกันทันคือเมื่อเวลา 06 น.ของวันที่ 14 พ.ย.2559 ตำรวจ สภ.นนทบุรี รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงตายที่บริเวณปากซอยงามวงศ์วาน 16 ใก้ลกับสถานบริการ “ลีลาวดี” จึงไปสอบสวนพบรถมาสด้า 2สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนภายในรถบริเวณที่นั่งคนขับพบศพ จ.ส.ต.สุชาติ เทพชู ตำแหน่งผบ.ผมู่ กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี ถูกยิงตามร่างกายด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.หลายแห่งเสียชีวิตคาที่ ข้างคนขับพบร่างโชกเลือดของ ส.ต.ต.ศราวุธ ศิริสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนประจำ กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันอาการสาหัสเจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล....จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุตำรวจทั้ง 2 นายเข้าไปเที่ยวในสถานบริการดังกล่าว (รายงานอ้างว่าเข้าไปสืบจับอาวุธปืน) เมื่อตอนตี 3 กระทั่งเวลา 05 น.เมื่อดื่มสุราจนเมาได้ที่จึงลุกเดินจะไปห้องน้ำ ระหว่างทางด้วยความเมาจึงเกิดเดินชนกลับกลุ่มนักเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดปากเสียงก่อนที่คนตายตบหน้าหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นและมีการ์ดสถานบริการเข้ามาห้ามปราม
00000.....ต่อมาเวลา 05.40 น.ทางร้านได้ขอร้องให้กลุ่มนักเที่ยวที่มีปัญหากับตำรวจออกไปก่อนส่วน จ.ส.ต.สุชาติ กับส.ต.ต.ศราวุธ นั่งอีก 10 นาทีจึงเดินไปที่รถแล้วขับออกไปโดยออกทางปากซอยงามวงศ์วาน 22 ขณะนั้นเองกลุ่มนักเที่ยวที่โดนตบยังผูกใจเจ็บจึงขับรถไล่ตามไปจนถึงปากซอยงามวงศ์วาน 16 แล้วใช้อาวุธปืน 9 มม.ระดมยิงใส่กระทั้งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว....คนร้ายเป็นใคร หากท่านผู้อ่านเป็นแฟนประจำ MGR ออนไลน์คงได้อ่านกันไปแล้ว มีด้วยกันประมาณ 6-7 คนโดยมือปืนเข้ามอบตัวแล้วส่วนที่เหลือยังหลบหนีแต่เชื่อว่าหลังจาก “ความลับแตก”ทีมข่าวผู้จัดการ ตามเจาะมาได้ก็คงทะยอยเข้ามอบตัวและมีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา.....คราวนี้มา “ชำแหละ” ปัญหา “เมืองนนท์” เมืองอิทธิพลตามที่ข่าวเขาพาดหัวจริงหรือ....ปัญหาใหญ่ของ จ.นนทบุรี ที่ตัวกระพ้มนาย “บิ๊กเกรียน”ได้ยินจากปากตำรวจชั้นผู้น้อยเต็มสองรูหูก็คือ 1.ปัญหายาเสพติด 2.ปัญหาแหล่งอบายมุข 3.อิทธิพลในพื้นที่โดยอาศัยคราบสื่อมวลชน.....ข้อสุดท้ายกระพ้มต้อง “กลั้นใจ” อยู่พอสมควร ด้วยยังติดธรรมเนียม “แมลงวันไม่ตอมแมลงวัน” แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมันถึงเวลาต้องหยิบยกมาตีแผ่ให้สังคมได้รับทราบกันบ้าง
00000.....ปัญหายาเสพติด-แหล่งอบายมุข บ่อน-ตู้ม้า-เงินกู้ดอกโหด-สถานบริการ (มอมเมาทั้งคนแก่และเยาวชน )เกี่ยวข้องกันเสมือนวงจรอุบาทว์ เป็นรูปแบบอาชญากรรมที่ตำรวจทราบกันดี...เงินสีเทาเมื่อได้มาง่ายก็จะถูกใช้อย่างง่ายๆด้วยการเที่ยวเตร่-มั่วสุม-ซื้อบริการ-ขายบริการ โดยมีสถานที่ชุมนุมคือบรรดาผับ-บาร์ หรือร้านอาหารต่างๆ.....”ผับลีลาวดี” หรือ “ครัวลีลาวดี”ก็คือแหล่งพบปะของบรรดานักท่องราตรี และบรรดาจ้าวยุทธภพ -นักเลงหัวไม้ -ขี้ยา-ขาใหญ่ มักเกิดเรื่องตีรันฟันแทง ถึงขั้นไล่ยิงตายบ้างเจ็บบ้างอยู่เป็นประจำ.....ทำไมตำรวจไม่จับ....ทำไมปิดๆ-เปิดๆกฎหมายทำอะไรไม่ได้....คำตอบที่น่าตกใจก็คือสถานบริการแห่งนี้มีหุ้นส่วนใหญ่เป็นนักข่าวใหญ่ ว่ากันว่า “เจ้าแม่”เรียกอาเจ้ เป็นที่เกรงอกเกรงใจกันทั้งเมืองตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจนนทบุรี และ ผู้กำกับการตำรวจนนทบุรี.......ที่เด็ดไปกว่าก็คือสถานบริการแห่งนี้จ่ายเฉพาะ “ส่วนหัว” ไม่จ่าย “ส่วนล่าง”แถมตีตั๋วเด็กจ่ายครึ่งราคา....เวลาเกิดเรื่องตำรวจชั้นผู้น้อยรับแข้งกันไป พนักงานสอบสวนต้องเสี่ยงโกหก-พกลม “ร่นเวลา”เกิดเหตุให้ทุกครั้งเพราะช่วงตี 4 ตี 5 ยังมีไล่ยิง ไล่ฟันมันจะถูก “จับไต๋”กลายเป็นปะเด็นต้องมาตามแก้กันภายหลัง...เงินไม่ได้แต่ต้องมารับชะตากรรมเมื่อจังหวะมาฝีลีลาวดีจึงแตก!!??....
00000.....วันนี้ใบบัวไม่สามารถปิดช้าง(ตาย)ทั้งตัวได้อีกต่อไปแล้ว....ข่าวน่าสลดใจศพ จ.ส.ต.สุชาติ ถูกส่งบ้านเกิดแถวปักษ์ใต้โดยมีญาติบอกผ่านแหล่งข่าว “ไม่ติดใจเอาความ”.....เฮ้ย!!??...คนยิงหมาตายยังติดคุก...นี่ตำรวจตายทั้งคนจะใช้ “อำนาจเงิน” ฟาดหัวให้หมดศักดิ์หมดศรียิ่งกว่าชีวิตไอ้ตูบเหรอ.....กราบเรียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กราบเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กราบเรียนพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กราบเรียน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กราบเรียนพลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค 1 กราบเรียน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1....ท่านจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร...”ปิดข่าว -ปิดนาย” แถมยัง “โมเม -งุบงิบ”ให้เป็นที่สงสัย...ขอประทานโทษนะขอรับ...ตำรวจเมืองนนท์นับพัน....ชาวบ้านอีกจำนวนไม่น้อยเขากำลัง “จับตา” ดูความเข้มแข็ง และความเด็ดขาดของบ้านเมืองยุคคืนความสุข
00000.....มือปืนต้องถูกดำเนินคดี...คนหนีต้องถูกตามล่า...ฆ่าคนตายไม่ว่าจะมาจากเหตุทะเลาะวิวาท หรือปฏิบัติหน้าที่ “คำตอบสุดท้าย”คือจะมาจบเหมือนยุคบ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนี้ไม่ได้(คับ).....ส่วนสถานบริการ “ลีลาวดี” จะปิดถาวร หรือดำเนินการตามความเหมาะสมเช่นไรกระพ้มไม่ขัดข้อง...ขอเพียงแต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย...ต้องมีความเสมอภาค...นักข่าวจะเปิดผับ-บาร์ หรือทำอะไรถ้าไม่ผิดกฎหมาย ไม่เข้าข่ายเอาอำนาจ-หน้าที่ไปเบ่ง หรือไปตบตีใคร ทำไมจะทำไม่ได้...แต่กรณี “ลีลาวดี”ก่อนหน้าเคยถูกจับฐานไม่มีใบอนุญาตก็แล้ว เปิดเกินเวลาก็แล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งเกิดเรื่องตำรวจถูกยิงตาย แทนที่บรรดา “เจ้านาย” จะปวดแสบปวดร้อนกลับให้ความร่วมมือช่วยกัน “ปิดข่าว” ปกปิดความเน่าเหม็น...แบบนี้เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล-เป็นภัยต่อสังคมหรือเปล่า!!??