MGR Online - ตำรวจกองปราบปรามรวบเฒ่าหัวหน้าแก๊งชาวออสซี่คาโรงแรมย่านสุขุมวิท หนีคดีอุ้มเรียกค่าไถ่เพื่อนร่วมชาติ หนีกบดานไทย
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.อนรรฆ ประสงค์สุข รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ชัย สงวนสิน รอง ผกก.ฝ.ความร่วมมือระหว่างประเทศ พ.ต.ท.มนต์ชัย วงษ์ชาตรี สว.กก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธวัชชัย นรินรัตน์ สว.กก.1 บก.สส.สตม. ผสานกำลังตำรวจสากล ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลจับกุม นายเกย์ดู เจมส์ เอทลิตี อายุ 69 ปี สัญชาติออสเตรเลีย ได้ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท สืบเนื่องจากตำรวจกองปราบปรามสืบทราบว่าผู้ต้องหามีหมายจับอินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล และเป็นบุคคลที่ทางการประเทศออสเตรเลียต้องการตัวมากที่สุดหนีมากบดานในเมืองไทย จึงนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว
พ.ต.ท.ชัยกล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวนพบว่านายเจมส์ได้ร่วมกับพวกก่อเหตุลักพาตัวอุ้มนายจอห์น (นามสมมติ) อายุ 58 ปี ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวที่บ้านพักในเมืองแอนเนอร์เลย์ รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ก่อนทำการกรรโชกทรัพย์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2552 ต่อมาผู้เสียหายนี้ได้หลบหนีออกมาได้ และได้แจ้งความดำเนินคดี ก่อนที่นายเจมส์และพวกจะถูกจับกุมและยื่นคำร้องขอประกันตัวและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และได้หลบหนีออกมาจากประเทศออสเตรเลียมากบดานที่ประเทศกัมพูชา
พ.ต.ท.ชัยกล่าวต่อว่า ระหว่างที่อยู่ที่ประเทศกัมพูชานายเจมส์ได้ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอีกและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชาจับกุมตัว ก่อนได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาและหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้ยังพบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีของผู้ต้องหารายนี้ประมาณ 5 หมื่นบาท โดยมีปลายทางมาจากประเทศฝรั่งเศสซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
มีรายงานว่าแนวทางการสืบสวนพบว่านายเจมส์ถือเป็นหัวหน้าขบวนการอุ้มเรียกค่าไถ่ โดยพฤติการณ์จะร่วมกับพวกอ้างตัวเป็นตำรวจ ก่อเหตุอุ้มผู้เสียหายที่มีหมายจับคดีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ และได้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง จากข้อมูลทราบว่าผู้ร่วมขบวนการถูกดำเนินคดีทั้งหมด เหลือเพียงนายเจมส์เพียงคนเดียว
จากการสอบปากคำนายเจมส์ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าได้ถูกทางการประเทศออสเตรเลียดำเนินคดีแล้ว พอพ้นโทษก็เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนที่ประเทศกัมพูชา และได้ก่อเหตุในลักษณะเดิมอีกครั้งจนถูกดำเนินคดี ติดคุกเป็นเวลา 1 ปี ทั้งนี้หลังจากพ้นโทษก็ได้เดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยว โดยไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองมีหมายจับที่ประเทศออสเตรเลียติดค้างอยู่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการแจ้งข้อหาลักพาตัว หน่วงเหนี่ยวกักขัง และโจรกรรม ตามหมายจับอินเตอร์โพล ก่อนประสานทางการประเทศออสเตรเลียเพื่อทำการผลักดันออกนอกประเทศ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป