xs
xsm
sm
md
lg

จับแก๊ง “จั๊กฮู้” ทุบกระจกรถย่านรามคำแหง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - บช.น.แถลงจับ “กบ จั๊กฮู้” โจ๋แก๊งทุบกระจกรถ พร้อมให้การรับสารภาพร่วมกับพวกที่ถูกจับกุม 4 รายก่อนหน้านี้ก่อคดีในพื้นที่ รามคำแหง และมีนบุรี นำเงินที่โจรกรรมมาเที่ยวเตร่

วันนี้ (14 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร ผบช.น. พ.ต.อ.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ ผกก.สส.บก.น.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว นายนราวุฒ หรือกบ ทองเกษม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/4 ซอยรามคำแหง 39 (ซอยเทพลีลา) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ผู้ต้องหาแก๊งทุบกระจกรถยนต์ โดยจับกุมได้ที่โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. เมื่อวันที่ 12 พ.ย. เวลาประมาณ 23.00 น.ที่ผ่านมา

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายขับรถยนต์มาจอดตามริมข้างทางเพื่อรับประทานอาหารตามร้านอาหาร แล้วมีกลุ่มมิจฉาชีพก่อเหตุทุบกระจกรถแล้วนำทรัพย์สินไป เสียหายมูลค่าหลายล้านบาท โดยบางรายถูกโจรกรรมไปกว่าหลายแสน ทาง บช.น.มีการประชาสัมพันธ์โครงการเมนูเตือนภัยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารติดสติกเกอร์ไว้ในเมนูอาหาร พร้อมระบุข้อความเพื่อให้พี่น้องประชาชนรับทราบเกี่ยวกับการป้องกันทรัพย์สินไม่ให้รถถูกทุบกระจกรถได้ โดยช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังมีปรากฏเหตุลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ตนจึงได้สั่งการให้ทุกท้องที่ในนครบาลไปออกเสียงตามสาย

สำหรับผู้ต้องหารายนี้มีผู้ร่วมกระทำความผิด 2 คน โดยคนแรกจะทำหน้าที่ขับขี่จักรยานยนต์ตระเวนไปตามเส้นทางเพื่อดูลาดเลา พร้อมทั้งหารถยนต์ที่จอดตามข้างทาง หากพบว่ารถคันใดมีทรัพย์สินอยู่ภายในจะประสานคนร้ายอีกรายมาก่อเหตุทุบกระจกรถเพื่อขโมยทรัพย์สินของมีค่าเหล่านั้นไป

จากนั้นทางตำรวจได้เร่งสืบสวนกระทั่งทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ คือ แก๊งจั๊กฮู้ (Jakhoo) โดยมีสมาชิกทั้งหมด 4 ราย ประกอบด้วย นายชัยวัฒน์ หรือโหน่ง ปรางมาศ อายุ 24 ปี เป็นหัวหน้าแก๊ง เพิ่งถูกตำรวจ สน.คันนายาว จับกุมได้เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา, นายลักษมัณ หรือเต๋า ปิ่นอำไพ อายุ 23 ปี อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี พื้นที่ สภ.บางเสาธง แล้วได้ประกันตัวไป และนายนราวุฒ ที่เพิ่งถูกตำรวจ กก.สส.บก.น.3 จับกุมครั้งนี้ได้ระหว่างหลบหนีมากบดานภายในโรงเรียนดังกล่าว เนื่องจากภรรยาสาวเป็นนักการภารโรงในโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งนี้ ทางตำรวจได้นำตัวนายวราวุฒไปทำการขยายผลตรวจสอบที่บ้านพัก และบ้านกลุ่มเพื่อนอีก 2 แห่งแต่ไม่พบของกลางแต่อย่างใด ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีกรายอยู่ระหว่างการติดตามตัว

จากการสอบสวนนายนราวุฒให้การยอมรับสารภาพว่าไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง จากนั้นนายชัยวัฒน์ได้มาชักชวนเข้าร่วมขบวนการ โดยทุกครั้งที่ลงมือก่อเหตุจะเลือกช่วงเวลาประมาณ 20.00-21.00 น. โดยนายชัยวัฒน์จะนำจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ ขี่ตระเวนหารถเหยื่อตามริมถนน หากพบรถคันใดมีทรัพย์สินอยู่ในรถจะให้ตนเป็นผู้ลงมือทุบกระจกรถเหยื่อเพื่อนำทรัพย์สินที่ได้ให้นายชัยวัฒน์เป็นผู้นำไปขาย ก่อนนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน ซึ่งตนไม่ติดยาเสพติด และไม่ชอบเล่นการพนัน จึงนำเงินที่ได้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด อีกทั้งตนได้เรียนรู้วิธีการก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาจากดูการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีการให้คนร้ายทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แล้วจดจำมาใช้จริงดังกล่าว

ทั้งนี้ นายวราวุฒยอมรับอีกว่า เจ้าตัวได้ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้วเพียง 3 ครั้ง ครั้งแรกก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์สีเทา ทรัพย์สินที่ได้ไปเป็นเงินสดประมาณ 300,000 บาท จากภายในซอยรามคำแหง 187/1 ใกล้ซอยทางเข้าวัดบางเพ็งใต้ ถนนรามคำแหง พื้นที่ สน.มีนบุรี เมื่อวันที่ 1 ส.ค. เวลาประมาณ 20.00 น.ที่ผ่านมา ครั้งที่ 2 ก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์สีดำ ได้ทรัพย์สินโน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง โดยนายชัยวัฒน์นำไปขายได้ค่าส่วนแบ่งจำนวน 2,500 บาท เหตุเกิดภายในซอยร้านอาหารปีระกา ข้างปั๊มแก๊ส ถนนร่มเกล้า พื้นที่ สน.มีนบุรี เมื่อต้นเดือน ก.ย. เวลาประมาณ 18.00 น.ที่ผ่านมา และครั้งสุดท้ายก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทรัพย์สินที่ได้เงินสด 100,000 บาท พระเครื่อง 30 องค์ ได้รับส่วนแบ่งเงินสด จำนวน 50,000 บาท เหตุเกิดที่บริเวณหน้าร้านอาหารแกรนด้า ตรงข้ามปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. พื้นที่ สน.คันนายาว เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับเหตุทุบกระจกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีขาวและสีเทา รถยนต์เบนซ์ สีดำและสีขาว รวม 4 คัน ทรัพย์สินที่ได้อาวุธปืน 2 กระบอก กระเป๋ายี่ห้อหลุยส์วิตตอง และเงินสดจำนวน 500,000 บาท เหตุเกิดที่หน้าร้านข้าวเหนียว ถนนนิมิตรใหม่ พื้นที่ สน.มีนบุรี เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ทางนายวราวุฒได้ปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอว่านายวราวุฒเป็นผู้ก่อเหตุ รวมทั้งมีการขออนุมัติออกหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีไปก่อนหน้านี้จึงต้องทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลอีกครั้ง

นายวราวุฒยังได้เผยว่า ประชาชนที่นำรถยนต์มาจอดริมถนนในทางเปลี่ยวให้นำทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปด้วย หากไม่อยากนำไปก็ต้องนำไปเก็บไว้ที่กระโปรงท้ายรถ เนื่องจากบรรดาเหล่ามิจฉาชีพมักจะใช้วิธีส่องดูทรัพย์สินของมีค่าที่กระจกรถด้านท้าย หากไม่พบของมีค่าจะไม่ลงมือก่อเหตุ

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่ปักใจเขื่อต่อคำให้การต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งทำการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะหรือรับองโจร ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น