MGR Online - “ไพบูลย์” ย้ำต้องใช้มาตรการทางสังคมกำราบพวกหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เพราะถือเป็นกระบวนการสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ใช่กฎหมู่“
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงการใช้มาตรการสังคม หลังพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ วัดสร้อยทอง กรุงเทพฯ โพสต์ข้อความตำหนิ พล.อ.ไพบูลย์ กรณีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประชาชนล้อมร้านขายน้ำเต้าหู้ชื่อดัง จ.ภูเก็ต โพสต์ข้อความเข้าข่ายผิดมาตรา 112 ว่าคนกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปดำเนินการอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องพูด อีกทั้งตนไม่พูดเรื่องที่ไม่รู้จริงทั้งหมดและไม่รู้ว่าเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้นบ้าง
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า ส่วนคำว่า “มาตรการทางสังคม” คือ มาตรการที่สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย ตนเรียนว่าการบังคับใช้กับคนกลุ่มนี้ บางครั้งหรือทุกครั้งอาจมีทัศนคติและความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูงนั้นไม่มีใครยอมรับได้ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวไม่สามารถปรับทัศนคติได้ เพราะหลายๆ เรื่องเห็นว่าการปรับแก้ทัศนคติของคนโดยใช้กฎหมายไม่สามารถกระทำได้ โดยมาตรการสังคมที่ออกมาเป็นการเสริมให้ใช้ได้ในบางเรื่อง เพราะฉะนั้น การใช้มาตรการสังคมกับการใช้กฎหมู่ ไม่เหมือนกัน
"ในความคิดของผม หากท่านใช้กฎหมู่เป็นการใช้ผิดกฎหมาย คือ กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย แต่มาตรการสังคมนั้นเป็นเรื่องที่บังคับใช้ตามระเบียบของสังคมและตามกฎหมาย ต้องแยกแยะการใช้คำให้ชัดเจน ผมยืนยันว่าไม่มีรัฐบาลไหนและเจ้าหนาที่รัฐคนใดจะบังคับใช้กฎหมายแล้วประสบผลสำเร็จทุกเรื่อง ต้องใช้มาตรการชุมชนเข้ามาเกี่ยวข้องดำเนินการ" รมว.ยุติธรรม กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการลงโทษคนที่กระทำความผิดแต่ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายคนอื่น มาตรการสังคมพูดภาพรวมมากกว่า แต่อย่าไปเน้นที่ จ.ภูเก็ต เพราะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายและเมื่อเห็นประชาชน กระทำผิด ม.112 ต้องให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้จัดการเอง แม้สิ่งเหล่านี้อาจทำร้ายความเจ็บปวดของคนไทย แต่ไม่สามารถทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ ทั้งนี้ มาตรการสังคมจำเป็นต้องมาใช้เกี่ยวกับทัศนคติ ความคิดของคนและหากจับคนพวกนี้เข้าคุกเข้าตารางก็ไม่มั่นใจว่าสามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติคนกลุ่มนี้ได้เพราะมันคือความเชื่อ ต้องใช้คำอธิบายแทน