“ปีเตอร์” โบ้ยมือฆ่าหั่นศพยัดตู้แช่คือเพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็งตายไปแล้ว

MGR Online - ผบช.น.ร่วมสอบพยานปากสำคัญคดีพบศพถูกหั่นยัดตู้แช่เย็นของแก๊งปลอมพาสปอร์ต ขณะที่การสอบปากคำ “ปีเตอร์” อ้างว่าเพื่อนที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตไปแล้วเป็นคนลงมือฆ่า ด้านอดีตภรรยาปีเตอร์ยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็น

วันนี้ (1 ต.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ สน.พระโขนง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. เดินทางมาร่วมสอบปากคำพยานปากสำคัญในคดีฆ่าหั่นศพชายชาวต่างชาติที่ถูกยัดในตู้แช่แข็งภายในอาคารพาณิชย์เลขที่ 18/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.

พล.ต.ท.ศานิตย์เปิดเผยก่อนการสอบปากคำว่า เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสืบสวนตามขั้นตอน โดยเรียกพยานปากสำคัญมาสอบปากคำแต่ไม่ขอเปิดเผยข้อมูล เพื่อเชื่อมโยงทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ และนิติวิทยาศาสตร์ให้ปราศจากข้อสงสัย หลักฐานทุกอย่างจะทำให้เป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์ ขณะนี้มีความพอใจพยานหลักฐานที่มีอยู่

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า หากต้องการทราบนิสัยใจคอนายปีเตอร์ แอนดริว โคลเตอร์ หรือนายเฮอร์เบิร์ต เครก ลาฟอง ก็ต้องสอบถามจากคนใกล้ชิดเพื่อหาข้อเท็จจริง คาดว่าต้องใช้เวลาเพราะต้องรอบคอบทุกมิติ นอกจากนี้ บางเรื่องอาจกระทบถึงความปลอดภัยและสภาพจิตใจของผู้อื่นจึงขอสงวนสิทธิไว้ อย่างไรก็ตามจะหาคนผิดมาลงโทษให้ได้

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า คดีนี้ต้องทำอย่างละเอียด รอบคอบแน่นหนา หาจุดเชื่อมโยงทุกอย่าง อีกทั้ง ได้ตั้งสมมุติเกี่ยวกับการเสียชีวิตว่าตายเองหรือผู้อื่นทำให้ตาย จากนั้นให้เจ้าหน้าที่ค้นหาหลักฐานให้ได้ผลพิสูจน์ออกมาว่าสอดคล้องกับหลักฐานของตำรวจที่มีอยู่ ส่วน นายปีเตอร์ แอนดริว โคลเตอร์ หรือนายเฮอร์เบิร์ต เครก ลาฟอง ให้การปฎิเสธนั้นไม่เป็นปัญหา

“สำหรับการสอบปากคำนายปีเตอร์ แอนดริว โคลเตอร์ หรือนายเฮอร์เบิร์ต เครก ลาฟอง นั้นได้แบ่งรับแบ่งสู้ รวมทั้งได้ขอทนายความเพื่อเป็นตามกระบวนการยุติธรรมของหลักสากล ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การของนายปีเตอร์ ส่วนการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่ถุงพลาสติกยังไม่ได้ส่งมาให้และการระบุสัญชาติกับเชื้อชาติของศพยังไม่ชัดเจนเพราะอาจเป็นคนที่อพยพย้ายถิ่นฐานไปมาก็ได้” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ได้สอบปากคำนายปีเตอร์เป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยรายละเอียดผู้ต้องหายังคงยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ฆ่าศพดังกล่าว และอ้างว่าคนลงมือเป็นเพื่อนที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งและเผาศพที่วัดย่านห้วยขวางไปแล้ว ส่วนสาเหตุที่เป็นชนวนก่อเหตุนั้นมาจากเรื่องหนี้สินจำนวน 6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ แต่ทางตำรวจก็ยังคงไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ

เนื่องจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายปีเตอร์เป็นคนอารมณ์ร้าย โมโหร้าย และมีพฤติกรรมชอบฟังเพลง ดูหนังประเภทปลุกใจ หรือซาดิสต์ อย่างไรก็ตาม หลังเค้นสอบปากคำอย่างหนัก กระทั่งเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมาจึงได้นำตัวนายปีเตอร์ไปพักที่ รพ.ตำรวจเช่นเดิม

นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อค่ำวานนี้ทางชุดสืบสวนสอบสวนได้มีการนัดหมายอดีตภรรยาของผู้ต้องหารายนี้มาซักถาม ซึ่งอดีตภรรยายืนยันว่าไม่รู้เห็นเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด เนื่องด้วยเลิกรากันไปนานแล้วจึงเชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน