MGR Online - “พล.ต.ต.สุวัฒน์” เผย “ปีเตอร์” ถือพาสปอร์ตปลอม สั่งสอบคนขนตู้แช่เพิ่ม 3 ราย ด้าน ผบก.น.5 เผยศพที่ถูกหั่นยัดตู้แช่เสียชีวีตมา 8 ปี สาเหตุที่เก็บศพไว้เพราะรักมาก มีแนวโน้มอาจเป็นรักร่วมเพศ
จากกรณีตำรวจท่องเที่ยวบุกเข้าจับกุมแก๊งชาวต่างชาติปลอมพาสปอร์ต ที่อาคารพาณิชย์เลขที่ 18/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. ระหว่างจับกุมหนึ่งในแก๊งได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไว้ได้ทั้งสิ้น 3 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบตู้เย็นขนาดใหญ่บริเวณชั้นที่ 1 ของอาคารพบว่าภายในมีศพชายต่างชาติถูกหั่นแยกเป็น 6 ชิ้น แช่แข็งอยู่ในตู้เย็น ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ อ้างมีเพื่อนเอามาฝากไว้ ขณะที่ตำรวจเร่งสืบสวนขยายผลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (27 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนไปสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเพิ่มเติม นอกจากนี้ได้ประสานกับสถานทูตอเมริกาเพื่อหาข้อมูลการกระทำความผิดของทั้ง 3 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนพาสปอร์ตที่พบในที่เกิดเหตุมีการยืนยันอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็นของจริง 2 ราย คือ ของนายแอรอน เอโด อายุ 40 ปี และนายเจมส์ ดักกลาส อีเกอร์ อายุ 63 ปี ส่วนของนายปีเตอร์ วิลเลียม จอห์นสัน อายุ 66 ปี คาดว่าจะเป็นพาสปอร์ตปลอม พร้อมกันนี้ได้สอบปากคำพยานที่เป็นคนขนตู้แช่มาไว้ที่บ้านพักภายในซอยเอกมัย 12 จำนวน 3 คนเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะนำมาส่งตั้งแต่เมื่อใด ส่งให้ใคร ไม่สามารถเปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นเรื่องในสำนวน
ด้าน พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.5 เปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าและยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นเพิ่มต่อผู้ต้องหาทั้ง 3 คน สำหรับศพที่พบถูกหั่นในตู้แช่นั้นเชื่อว่านายปิเตอร์ วิลเลียม จอห์นสัน หัวหน้าแก๊งน่าจะรู้เห็นทั้งหมด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รับสารภาพหรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
แนวทางการสอบสวนพบว่านายปีเตอร์ซื้อตู้แช่ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2551 และไม่ให้ผู้ใดเข้ามายุ่งเกี่ยว จึงเชื่อว่าศพดังกล่าวอาจเสียชีวิตมากว่า 7-8 ปีแล้ว สอดคล้องกับผลการตรวจพิสูจน์ที่พบว่าเสียชีวิตมานานแล้วทำให้ยากแก่การตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตคือใคร ส่วนสาเหตุที่เก็บศพไว้นั้นเมื่อคุยกับนักจิตวิทยาและทำการวิเคราะห์เชื่อว่าอาจเป็นประเด็นรักร่วมเพศที่ต้องการเก็บศพไว้ใกล้ตัว เนื่องจากรักผู้เสียชีวิตมากจึงไม่ได้ทิ้งหรือทำลายศพ