MGR Online - ศาลอนุญาตเลื่อนตรวจหลักฐานแก๊ง 6 โจ๋พร้อมแฟนสาวคดีรุมทำร้าย “สมเกียรติ” ชายขาพิการย่านโชคชัย 4 จนเสียชีวิตไป 19 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ทนายความจำเลยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับลูกความให้ชัดเจนก่อนจะแจ้งให้ศาลทราบต่อไป
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีดำที่ อ.2186/2559 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพีรพล หรือเปา ยศพงศ์อนันต์ อายุ 21 ปี, นายอัครเดช หรืออั๋น ทัศนะ อายุ 22 ปี, นายมนต์มนัส หรือเต้ย แสงโพธิ์ อายุ 21 ปี, นายจตุพร หรือเบียร์ จันทร์โสภา อายุ 18 ปีเศษ, นายเมฆ พลไกรษร อายุ 19 ปี, นายอรินทร์หรือเตอร์ ยศพงศ์อนันต์ อายุ 19 ปี และ น.ส.ณัฐณิชา หรือเกม ฤทธิ์ล้ำเลิศ อายุ 18 ปีเศษ เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 59 เวลากลางวัน พวกจำเลยได้บุกเข้าไปในบ้านพักของสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 35 ปี ชายพิการอาชีพส่งขนมปังร้านปังหอม ใน ซ.โชคชัย 4 แขวงและเขตลาดพร้าว แล้วใช้อาวุธมีดแทงฟันนายสมเกียรติเป็นบาดแผลหลายแห่งจนถึงแก่ความตาย
โดยวันนี้ นางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของนายสมเกียรติเดินทางมาพร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ และญาติกว่า 10 คน ขณะที่ศาลเบิกตัวจำเลยทั้งเจ็ดมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อร่วมกระบวนการพิจารณาคดี ซึ่งศาลได้อธิบายคำฟ้องโดยสรุปให้จำเลยทั้งเจ็ดฟังแล้วสอบคำให้การ จำเลยทั้งหมดขอให้การปฏิเสธ ขณะที่ทนายความจำเลยขอเลื่อนนัดพร้อมตรวจหลักฐานออกไปก่อน เพื่อจะขอสอบข้อเท็จจริงทางคดีกับจำเลยให้ชัดเจนก่อนเพื่อจะแจ้งต่อศาลอีกครั้งว่าจะให้การรับสารภาพหรือไม่
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงให้นัดพร้อมและตรวจหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ส่วนที่นางทองคำ มารดาของผู้เสียชีวิต ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วยนั้น ศาลได้สอบถามอัยการและฝ่ายจำเลยแล้วไม่คัดค้าน ซึ่งนางทองคำ เป็นมารดาจึงมีสิทธิที่จะเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้ในส่วนที่ได้รับความเสียหาย ศาลจึงอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมได้ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ภายหลังนายอนันต์ชัยกล่าวว่า วันนี้ศาลได้นัดตรวจหลักฐานซึ่งฝ่ายโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานจำนวน 37 อันดับ แต่มีการตัดพยานออกไปเหลือประมาณ 17-18 อันดับ และศาลได้อนุญาตให้นางทองคำ มารดาผู้ตายเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ตามที่ขอ ขณะที่ศาลได้อ่านคำฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งศาลให้โอกาสจำเลยทบทวนใหม่ เนื่องจากแผลที่ผู้ตายถูกทำร้าย 10 แห่งสามารถทำให้ถึงตายได้ทั้งนั้น หากจำเลยจะต่อสู้ว่าบันดาลโทสะหรือป้องกันตัวก็เชื่อได้ยาก แต่ถ้ายอมรับสารภาพโทษก็จะเบาลง เพราะจำเลยยังอยู่ในวัยที่เป็นเยาวชน ในส่วนญาติผู้ตายก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย เราไม่สามารถฝืนหรือวิจารณ์การลงโทษของศาลได้ แต่ถ้าฝ่ายเรายังติดใจโทษก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้
“ศาลได้ปรานีจำเลยให้กลับเนื้อกลับตัว และทางญาติจำเลยก็ไม่ได้มาประกันตัว อาจจะเพราะสำนึกผิดในสิ่งที่พวกจำเลยทำ แต่ก็ยังไม่มาขอโทษผู้เสียหาย ทางเราก็ไม่ได้ใจร้ายจะเอาให้ถึงตาย เพราะทั้งเจ็ดคนก็ถือเป็นเยาวชน ความคิดอาจบกพร่องไปบ้างก็ให้อภัยได้ และเรื่องก็เกิดขึ้นนานแล้วญาติทำใจได้บ้าง อยากให้จำเลยสำนึกผิดเข้ามาขอโทษและเยียวยาผู้เสียหาย โทษหนักจะได้เบา ทางญาติผู้เสียหายก็ได้ยื่นขอให้พวกจำเลยร่วมชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท” นายอนันต์ชัยกล่าว
เมื่อถามว่า หนักใจประเด็นสารเสพติดที่พบในร่างกายผู้ตายหรือไม่ นายอนันต์ชัยกล่าวเพียงว่า การกระทำที่เป็นการทำร้ายผู้ตายเป็นความผิดอยู่แล้วตามกฎหมาย
ด้านนายคมเพชร จันทร์ปุ่ม ทนายจำเลยเปิดเผยว่า ยังไม่ได้หารือกับจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อจำเลยก็ไม่ได้กระทำผิดขนาดที่โจทก์กล่าวหา แต่ผู้ตายกลับไปนำมีดมาทำร้ายกลุ่มจำเลยก่อน ซึ่งไม่ใช่มีดตัดขนมปัง จนจำเลยที่ 1 ได้รับบาดเจ็บที่แขน กลุ่มจำเลยจึงตอบโต้กลับถือเป็นการทะเลาะวิวาท ส่วนประเด็นการตรวจพบสารเสพติดในร่างกายผู้ตายก็จะหยิบยกมาเป็นข้อต่อสู้ด้วยเช่นกัน