จับหนุ่มใหญ่บ่อกุ้งชุมพร ครอบครองปืนเถื่อนขายให้ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

“หน่วยสยบริปูสะท้าน” ลุยค้นบ่อเลี้ยงกุ้งรายใหญ่ในชุมพร หลังสืบพบเป็นแหล่งส่งปืนสั่งซื้อจากอินเทอร์เน็ต พบชายวัยกลางคนครอบครองปืนไม่มีทะเบียน 2 กระบอก ขยายผลตรวจค้นบ้านพักเจออีก 4 กระบอก กระสุนกว่า 100 นัด เบื้องต้นแจ้งข้อหามีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

วันที่ 17 ก.ย. พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ.บก.ป. พร้อมตำรวจ กก.ปพ.บก.ป. นำกำลังเข้าตรวจค้นนาซึ่งทำเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ต.วิสัยเหนือ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร หลังสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวได้สั่งซื้ออาวุธปืนผ่านอินเทอร์เน็ตและให้จัดส่งที่สถานที่ดังกล่าว จากการตรวจค้นพบนายสมศักดิ์ จงรัก อายุ 46 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของนากุ้งดังกล่าว และพบปืนไม่มีทะเบียน 2 กระบอก ได้แก่ ปืนลูกซองยาว ไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก และปืนสั้นไทยประดิษฐ์ .38 จำนวน 1 กระบอก โดยนายสมศักดิ์รับเป็นเจ้าของปืนทั้งสองกระบอกเช่นกัน ก่อนจะนำไปขยายผลตรวจค้นที่บ้านพักเลขที่ 23/244 หมู่ที่ 1 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร พบอาวุธปืน มีทะเบียน 4 กระบอก ได้แก่ ปืนยาวลูกซอง จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก, อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุน .22 จำนวน 52 นัด, เครื่องกระสุน .38 super หัวระเบิด จำนวน 20 นัด, เครื่องกระสุนปืนลูกซอง 37 นัด, กล้องติดปืน 2 ตัว และพานท้ายปืน 1 ตัว

พ.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่า นายสมศักดิ์เป็นเจ้าของบ่อกุ้งที่ใหญ่ที่สุดใน จ.ชุมพร และจากการสอบสวนนายสมศักดิ์อ้างว่านายประคอง จงรัก น้องชายได้สั่งซื้อปืนจากอินเทอร์เน็ต โดยระบุให้มาส่งที่บ่อกุ้งของตน เนื่องจากบ้านของนายประคองนั้นอยู่บนเขาไม่สะดวกในการจัดส่ง พร้อมทั้งยังรับสารภาพว่าปืนไม่มีทะเบียนทั้ง 2 กระบอกที่พบที่บ่อกุ้งเป็นของตนเอง ส่วนปืนมีทะเบียนอีก 4 กระบอกที่พบภายในบ้านพักนั้น เป็นปืนที่นายสมศักดิ์รับจำนำ ซึ่งปกติมักจะมีคนนำปืนมาจำนำกับตนเป็นครั้งคราว

พ.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวอีกว่า เบื้องต้นแจ้งข้อหาต่อนายสมศักดิ์ว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป พร้อมทั้งจะต้องเชิญนายประคอง น้องชายที่นายสมศักดิ์อ้างว่าเป็นผู้สั่งซื้อปืนทางอินเทอร์เน็ตมาสอบปากคำต่อไป รวมทั้งขยายผลหากพบผู้ใดร่วมกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีทันที

พ.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวต่อว่า การตรวจค้นและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนได้เป็นจำนวนมากในครั้งนี้ เป็นนโยบายของกองบัญชาการตรวจสอบสวนกลาง ให้ลงมาตรวจค้นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ โดยจะตรวจค้นพร้อมกันทั่วประเทศ 70 จุด ทั้งภาคเหนือ ใต้ อีสาน ใช้กำลังจากกองกำกับการ 1-6 และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ในส่วนของ “หน่วยสยบริปูสะท้าน”จะปฏิบัติการในจังหวัดชุมพรที่เป็นจุดแข็ง หรือฮาร์ดคอร์ 2 จุด คือ ที่ อำเภอเมืองชุมพร และอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร ได้ผลอย่างที่เห็นในครั้งนี้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 ราย พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่สรุปผลการตรวจค้นจับกุมทั้งหมด

ทั้งนี้ ผลคดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการขยายผลการติดตามผู้ต้องหารายหนึ่งที่คิดสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจและได้วิสามัญที่จังหวัดนครสวรรค์ จนนำไปสู่การตรวจสอบขยายผลที่มาที่ไปของอาวุธปืนของคนร้าย จนพบจุดรับปืนส่งปืนทั้งต้นทางและปลายทาง ส่วนนายสมศักดิ์ ผู้ต้องหา มีพฤติกรรมคือรับจำนำอาวุธปืน และขายให้แก่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ พร้อมกับมีอาวุธปืนผิดกฎหมายไว้ในครอบครองซึ่งยังต้องสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไป