เล่นเอา “สีกากี” ระส่ำกันทั้ง “กรมปทุมวัน” ที่จู่ๆ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ใช้อำนาจตามมาตรา 44ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่งเปลี่ยน “สภาการศึกษาโรงเรียนนายตำรวจ” ยกชุด มีผลตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นต้นไป
โดย “กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสภาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ” ชุดใหม่ ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. แต่งตั้งให้ นายศุภชัย ยาวะประภาษ อดีตอธิการบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็น นายกสภาการศึกษา กรรมการสภาการศึกษาทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายไผทชิต เอกจริยกร,นายจักราทิตย์ ธนาคม, นายมณเฑียร เจริญผล, พ.ต.ท.เกษมศานต์ โชติชาครพันธุ์, ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ, พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์, พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา,พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ และนายกมล รอดคล้าย
ส่วน สภาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชุดเก่า ประกอบด้วย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็น นายกสภาการศึกษา กรรมการสภาการศึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ มีนายศิริชัย กาญจนวาสี, นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์, นายสมศักดิ์ ดำริชอบ, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ, นางสุจิตรา บุณยรัตพันธุ์,นายนัทธี จิตสว่าง, น.ส.พรเพ็ญ เพชรสุขศิริ,พล.ต.ท.ณรงค์ กุลนิเทศ และนายนพดล อินนา ต้องพ้นจากตำแหน่งไปในทันที
แม้ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ดังกล่าวจะให้เหตุผลในการ “โล๊ะ” สภาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ระบุ “โดยที่สมควรปรับปรุงการบริหารงานของโรงเรียนนายร้อยตำรวจให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางในการปฏิรูปตำรวจ ประกอบกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจในปัจจุบันใกล้จะครบวาระ 4 ปี และพ้นจากตำแหน่ง จึงสมควรดำเนินการเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องอันจะเป็นประโยชน์ต่อราชการแผ่นดินและการปฏิรูป”
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้สภาการศึกษา รร.นายร้อยตำรวจพิจารณาแนวทางการพัฒนากิจการของ รร.นายร้อยตำรวจ และการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พ.ศ.2551เพื่อเตรียมการปฏิรูปตำรวจแล้วเสนอนายกฯ ภายใน 3 เดือน
หลังอ่านคำสั่ง เหล่าสีกากีส่วนใหญ่ ต่างยังข้องใจเหตุและผลการ “โล๊ะ” ดังกล่าว มีคำถามว่าเพื่อให้เกิดการต่อเนื่องในการพัฒนาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตามแนวทางการ”ปฏิรูปตำรวจ” โดยไม่มีเบื้องหน้า เบื้องหลังอะไรแอบแฝงเลยหรือไม่?เพราะการออกคำสั่งให้ สภาการศึกษาฯชุดเก่าพ้นจากตำแหน่งก่อนกำหนด แทนที่จะรอให้ครบกำหนด เหมือนเป็นการ “เชือด” เหมือนเป็นการ “หักหน้า” มากกว่าให้งานต่อเนื่องอย่างที่กล่าวอ้าง
ยิ่งตรวจแถว สภาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชุดเก่า ซึ่งแต่งตั้งขึ้นในยุคที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีพล.อ.ชิดชัย เป็น นายกสภาการศึกษาฯ รวมทั้งกรรมการสภาการศึกษาฯส่วนใหญ่ หลายคนก็มีความใกล้ชิดกับกลุ่มแกนนำรัฐบาลในยุคนั้น โดยเฉพาะตัว “พล.ต.อ.ชิดชัย” ก็ยิ่งทำให้เหล่าสีกากีอดสงสัย อดวิพากษ์วิจารณ์ อดจะมีคำถาม มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร?
ต้องยอมรับว่า พล.ต.อ.ชิดชัย ชื่อนี้ในยุครัฐบาลเพื่อไทย หรือรัฐบาลไทยรักไทย ต่างรับรู้ รับทราบว่าเป็นรุ่นพี่ นรต.23 ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นรต.26ให้ความชื่นชอบ ชื่นชมในความเก่งอย่างมาก โดยเฉพาะมีดีกรี”ดอกเตอร์” เป็นเครื่องการันตีคุณภาพ ถึงขนาดช่วงหนึ่งในการแต่งตั้ง “ผบ.ตร.” แทนพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร. ที่ถูกคำสั่งไปช่วยราชการสำนักนายกฯ “ทักษิณ” พยายามผลักดัน พล.ต.อ.ชิดชัย ให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
แต่เนื่องด้วยอาวุโสน้อย ทำให้ไม่สามารถโดดข้ามหัวพล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ที่อาวุโสสูงสุดเป็น ผบ.ตร.ได้ สุดท้ายจึงต้องยอมเสนอชื่อ พล.ต.อ.โกวิท เป็ย ผบ.ตร.กระนั้นสายสัมพันธ์ที่มีกันระหว่าง “ทักษิณ”กับ”พล.ต.อ.ชิดชัย” ก็ยังแนบแน่น “ทักษิณ”ปลอบใจรุ่นพี่ด้วยการแต่งตั้งเป็น รองนายกรัฐมนตรี และให้คุมงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่สำคัญว่ากันว่า ในช่วงหลังๆ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีการเปิดหลักสูตรอบรมปริญญาโท หลักสูตรอบรมระยะสั้น หลักสูตรอบรมด้านโน้น ด้านนี้ จำนวนมาก และให้คนภายนอกเข้ามาร่วมอบรม โดยมีหลักสูตรของโรงเรียนนายร้อยตำรวจการันตี หลายคนจึงต่างวิ่งเข้ามาเพื่อเข้าอบรมหลักสูตรต่างๆที่เกิดจำนวนมาก จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เหล่าสีกากีมองกันว่าจะมีส่วนเกี่ยวเนื่องหรือไม่ ที่หัวหน้า คสช.ต้องออกคำสั่งให้ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนกันใหม่ ไม่ให้เละไปหมด
นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เหล่า “สีกากี” กำลังกังวลและสับสน คือ มติสภาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชุดของพล.ต.อ.ชิดชัย ที่มีการคัดเลือก พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. เป็น ผบช.รร.นรต. แทน พล.ต.ท. ศักดิ์ดา เตชะเกรียงไกร ผบช.รร.นรต. ที่ลำดับอาวุโสระนาบ ผบช.อยู่กลุ่ม 33% ตามกฎ ก.ตร. ที่ต้องขยับขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยอัตโนมัติ จะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ เพราะพล.ต.ต.อดุลย์ ก็เป็นรุ่นน้องโรงเรียนมงฟอร์ด จ.เชียงใหม่ ของ “ทักษิณ” และคุ้นเคยกับคนเพื่อไทยมาตลอดในช่วงรับราชการทางภาคเหนือ
ดังนั้นคำสั่งหัวหน้า คสช. ครั้งนี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลง สภาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผลพวงจะกระทบอะไรบ้าง คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะบอกได้คำเดียวงานนี้ ในกอไผ่น่าจะมีอะไรมากกว่าหน่อไม้แน่ๆ
