MGR Online - ผู้เสียหายร้องดีเอสไอ โดนคนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รับทำคดีมรดก 6 พันล้านบาท หลอกตุ๋นเหยื่อเสียหายกว่า 15 ล้านบาท
วันนี้ (6 ก.ย.) เวลา 13.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมตัวแทนผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อช่วยตรวจสอบหลังมีขบวนการหลอกลวงอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงดีเอสไอ รับทำคดีมรดกเจ้าของบริษัทชาวออสเตรเลียซึ่งเสียชีวิตที่ต่างประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง
นายอัจฉริยะกล่าวว่า วันนี้นำผู้เสียหายจากโครงการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน อ้างศาลอาญาสั่งให้ดีเอสไอทำคดีมรดก 6,000 ล้านบาท ของนายรอน แมคเวลเสวนสัน นักธุรกิจชาวออสเตรเลียซึ่งมีผู้เสียหายหลายราย โดยขบวนการดังกล่าวเริ่มต้นจากนายจิรศักดิ์ หุ่นอิน ผู้รับเหมาทำแอร์ให้บริษัทของนายรอน และมีภรรยาเป็นคนไทยชื่อนางสุพรรษา ระเบียบรัตน์ ทั้งนี้ ระหว่างนายรอนเดินทางกลับประเทศของตัวเองได้เกิดประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินค่าแรงให้ผู้รับเหมาได้ ก่อนนายจิรศักดิ์เดินทางไปฟ้องศาลและชนะคดีแต่ก็ไม่สามารถนำเงินออกมาได้อ้างว่ามีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคดีที่อยู่ในดีเอสไอ
นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า ต่อมานายจิรศักดิ์ได้ประสานให้ น.ส.สุปราณี ทิพยัคฆ์ เป็นผู้ดำเนินการเดินเรื่องเกี่ยวกับการหลอกผู้เสียหายให้นำเงินมาช่วยคดีมรดก พร้อมอ้างว่ามีค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่ต้องเคลียร์ให้ ดีเอสไอเพื่อนำทรัพย์สินมรดกของนายรอนออกมาจากดีเอสไอ หากได้รับเงินแล้วจะมาคืนให้ตามเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ร่วมลงทุน
“น.ส.สุปราณี อ้างชื่ออดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ นายทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดี และเจ้าหน้าระดับล่างอีกหลายคน ร่วมขบวนการหลอกลวงชาวบ้านกลุ่มนี้ โดยคาดว่ามีผู้เสียหายหลายรายจากขบวนการนี้ ชมรมฯ จึงนำผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อขบวนการนี้ต่อดีเอสไอ และร้องขอให้ดีเอสไอเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ด้วย” นายอัจฉริยะกล่าว
ด้านนายเผชิญ ฤทธิชัย หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า ตนถูกหลอกเป็นจำนวนเงิน 5.4 ล้านบาท โดยเมื่อ ต.ค. 2554 ตนได้รับการชักชวนจาก น.ส.สุปราณี เพื่อนบ้านที่สนิทกัน อ้างว่านายจิรศักดิ์ชนะคดีความเรื่องค่ารับเหมาให้บริษัทนายรอน แต่ไม่สามารถนำเงินออกมาจากดีเอสไอได้และต้องมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เช่น ค่าบัญชี ค่าเดินทาง ค่าเจ้าหน้าที่ ฯลฯ ซึ่งตนก็ยินยอมให้ยืมเพราะว่าเชื่อใจและเห็นอยู่ข้างบ้านกัน หลังจากนั้น น.ส.สุปราณีได้บอกให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารรอไว้เลยเพราะใกล้ได้เงินจากดีเอสไอแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ตามคำกล่าวอ้าง ต่อมาเมื่อตนได้สอบถามกับ น.ส.สุปราณี ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงอ้างว่าต้องรอเจ้าหน้าที่ดีเอสไอก่อน ขณะนี้ล่วงเลยเวลามาเกือบ 5 ปี ทำให้วันนี้จึงเดินทางมาดีเอสไอเพื่อช่วยตรวจสอบเกี่ยวกับการแอบอ้างของขบวนการดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เป็นตัวแทนรับเรื่องดังกล่าว จากนี้จะนำเข้าที่ประชุมเพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน ก่อนนำเสนออธิบดีดีเอสไอพิจารณาต่อไป