ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “หมอเปรม” ให้การภาคเสธ คดีนายกสมาคมสื่อขอนแก่นฟ้องหมิ่นข้อหารับเงินนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช โค่นล้มตน
หลังจากที่พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ เข้ามาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหากรณีตกเป็นผู้ต้องหาในคดีหมิ่นประมาทและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาว่าสมาคมสื่อมวลชนขอนแก่นรับเงินจากนางระเบียบ พงษ์พานิช เพื่อโค่นล้มตน
ล่าสุดเวลาประมาณ 16.00 น.วันนี้ (25 ส.ค.) นพ.เปรมศักดิ์ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ที่ห้องสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 สภ.เมืองขอนแก่น โดยหลบหลีกการบันทึกภาพของสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดย นพ.เปรมศักดิ์ได้ให้ผู้ติดตามจอดรถบริเวณด้านหลังอาคารและแอบขึ้นทางประตูหลังเพื่อมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวเข้าสังเกตการณ์ หรือร่วมรับฟังการสอบสวนแต่อย่างใด
โดยทันทีที่ นพ.เปรมศักดิ์เดินทางมาถึงได้เข้าพบกับ พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น ในฐานะคณะกรรมการสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่นแต่งตั้งขึ้น เพื่อมอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะใช้เวลาในการสอบสวนนานกว่า 1 ชั่วโมง และอนุญาตให้เดินทางกลับ
ในระหว่างที่ นพ.เปรมศักดิ์เดินออกมาจากห้องสอบสวนได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “โนพรอมแพรม ไม่มีอะไร สบายใจได้ เรื่องคำสั่งตาม ม.44 ได้มีการชี้แจงในเฟซบุ๊กทั้งหมดแล้ว” ก่อนจะเดินขึ้นรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กค 9 กาฬสินธุ์ ออกไปอย่างเร่งรีบ
พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า คดีดังกล่าวนั้นตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้แต่งตั้ง พ.ต.อ.สุดพิเศษ เอกศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ขณะที่ สภ.เมืองขอนแก่น ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ภูมี เป็นคณะกรรมการสอบสวนในคดีดังกล่าว ทั้งนี้ นพ.เปรมศักดิ์ ได้ติดต่อขอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ด้วยตนเองและรับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยเดินทางมาพร้อมกับผู้ติดตามเพียง 2 คนเท่านั้น
“หมอเปรมให้การภาคเสธ โดยรับบางเรื่องและไม่รับบางเรื่อง ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง พร้อมทั้งพิมพ์ลายนิ้วมือและแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนที่จะอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวเนื่องจากผู้ต้องหามามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเองตามหมายเรียก สภ.เมืองขอนแก่น เป็นครั้งที่ 2”