xs
xsm
sm
md
lg

“พงศพัศ” พอใจ 514 โรงพัก ลุยปฏิรูปตัวเอง 54 สภ.ในสังกัด ตร.ภาค 1 เสร็จใน 1 ปี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - รอง ผบ.ตร. พอใจ 514 โรงพักทั่วประเทศ รับลูกเร่งดำเนินการปฏิรูป 54 สภ. ในสังกัด ตร. ภาค 1 เสร็จภายใน 1 ปี ชี้ ต้องบูรณาการแจ้งความ และมีทีมสืบสวนไม่น้อยกว่า 3 ทีม เพื่อติดตามเร่งรัดคดี หากหัวหน้าสถานีไม่ให้ความสำคัญ โดนเด้งไปทำหน้าที่อื่น

วันนี้ (31 ก.ค.) ที่ สภ.เมืองนนทบุรี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนและประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าคณะทำงานด้านการปฏิรูประบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย ได้เดินทางลงพื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อติดตามการดำเนินการในการจัดทีมพนักงานสืบสวนสอบสวนแบบบูรณาการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและการอำนวยความยุติธรรมในเบื้องต้น ซึ่งสภ.เมืองนนทบุรี เป็นหนึ่งในจำนวนสถานีตำรวจทั้งหมด 514 แห่งทั่วประเทศ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า จากการติดตามความคืบหน้าของการปฏิรูประบบการสืบสวนสอบสวนตามแนวทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดให้ 514 สถานีตำรวจ ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ พบว่า ผกก. หัวหน้าสถานีตำรวจทุกแห่ง ได้ให้ความสนใจ และเร่งรัดดำเนินการกันอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนได้เข้าใจตรงกัน ว่า ถึงเวลาแล้วที่ตำรวจจะต้องเริ่มปฏิรูปงานของตนเอง และไม่ต้องให้ใครมาบังคับ แต่เป็นหน้าที่ของตำรวจทุกคนในแต่ละสถานีตำรวจ ที่จะต้องช่วยกันขับเคลื่อนและผลักดันอย่างเต็มที่ ซึ่ง พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบก็ได้ติดตามดูแลและประเมินผลในการปฏิรูปงานด้านนี้อย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้กำหนดให้มีการฝึกอบรมพนักงานสอบสวนทุกนายไปพร้อม ๆ กัน อย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งในเรื่องขององค์ความรู้ จริยธรรม คุณธรรม และจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนในระดับสถานีตำรวจ

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า สำหรับ สภ.เมืองนนทบุรี ก็ได้เริ่มปฏิรูประบบงานสืบสวนสอบสวนแบบบูรณาการแล้ว และจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ตามที่ได้กำหนดไว้ เช่นเดียวกับสถานีตำรวจอื่น ๆ โดยในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งมีทั้งสิ้น 54 แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี 7 แห่ง ได้แก่ สภ. เมืองนนทบุรี บางบัวทอง บางใหญ่ บางกรวย บางศรีเมือง คลองข่อย ปลายบาง จังหวัดปทุมธานี 10 แห่ง ได้แก่ สภ.เมืองปทุมธานี คูคต คลองหลวง ปากคลองรังสิต คลองห้า สามโคก สวนพริกไทย ลาดหลุมแก้ว ลำลูกกา ธัญบุรี จังหวัดสมุทรปราการ 7 แห่ง ได้แก่ สภ. เมืองสมุทรปราการ บางพลีน้อย บางเสาธง สำโรงเหนือ บางพลี บางปู บางแก้ว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 5 แห่ง ได้แก่สภ.พระนครศรีอยุธยา อุทัย ภาชี บางปะอิน วังน้อย จังหวัดลพบุรี 9 แห่ง ได้แก่ สภ. เมืองลพบุรี เพนียด พัฒนานิคม โคกเจริญ ท่าหลวง บ้านเบิก ท่าหิน ลำสนธิ ชัยบาดาล จังหวัดสิงห์บุรี 4 แห่ง ได้แก่ สภ. เมืองสิงห์บุรี อินทร์บุรี บางระจัน ค่ายบางระจัน จังหวัดอ่างทอง 6 แห่ง ได้แก่ สภ. เมืองอ่างทอง วิเศษชัยชาญ สีบัวทอง ป่าโมก ไชโย โพธิ์ทองจังหวัดชัยนาท 2 แห่ง ได้แก่ สภ. เมืองชัยนาท สรรคบุรี และ จังหวัดสระบุรี 4 แห่ง ได้แก่ เมืองสระบุรี วิหารแดง มวกเหล็ก และ หนองแค

“สถานีตำรวจทั้ง 54 แห่ง จะต้องจัดทีมบูรณาการงานรับแจ้งความ และสืบสวนสอบสวนไม่น้อยกว่า 3 ทีม แต่ละทีมจะประกอบด้วย พนักงานสอบสวนหัวหน้าทีม พนักงานสอบสวนประจำทีม ฝ่ายสืบสวนฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายจราจร ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน รวมทั้งฝ่ายตรวจสถานที่เกิดเหตุและพิสูจน์หลักฐาน โดยจะต้องจัดยานพาหนะ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงานด้วย โดยพนักงานสอบสวนหัวหน้าทีมในแต่ละผลัด จะต้องเป็นผู้บริหารคดีที่ร่วมรับผิดชอบในการสืบสวนสอบสวน ก่อนเข้าเวรในแต่ละผลัดจะต้องประชุมทีมพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบความพร้อมในการปฏิบัติงาน และเมื่อออกเวรก็จะต้องประชุมสรุปเกี่ยวกับคดีต่าง ๆ ที่ได้รับแจ้งความไว้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อวางแผนงานในการติดตามและเร่งรัดคลี่คลายคดีทั้งในเรื่องการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน การติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด การทำสำนวน และมีความเห็นทางคดีรวมทั้งจะต้องควบคุมดูแลพฤติกรรมของพนักงานสอบสวนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวนอย่างเคร่งครัด โดยกระบวนการต่าง ๆ จะต้องเป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม และเท่าเทียมอย่างแท้จริงต้องไม่มีข้อผิดพลาดบกพร่องเกิดขึ้น เพราะนอกจากจะเกิดผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เกี่ยวข้องในคดีความเป็นอย่างมากแล้ว ยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น ทั้งต่องานสอบสวนและพนักงานสอบสวนโดยรวมด้วย”

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการประชุมมอบนโยบายกับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. 10 นาย ที่รับผิดชอบกำกับดูแลการปฏิรูปองค์กรตำรวจทั้ง 10 ด้าน โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกคนเร่งรัดและติดตามการปฏิรูปของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และจะต้องให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะการปฏิรูประบบงานสืบสวนสอบสวนของ 514 สถานีตำรวจทั่วประเทศ ที่จะต้องแล้วเสร็จให้ได้ภายใน 1 ปี โดยหัวหน้าสถานีตำรวจทุกคนจะต้องรับผิดชอบดำเนินการ หากพบว่าหัวหน้าสถานีตำรวจคนใดไม่สนใจ หรือไม่ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปในครั้งนี้ให้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่กำกับดูแลรายงานให้ทราบ โดยจะมีการพิจารณาลงโทษทางวินัย และจะต้องแต่งตั้งโยกย้ายไปทำหน้าที่อื่นตามที่ได้เคยให้นโยบายไว้แล้ว






















กำลังโหลดความคิดเห็น