MGR Online - “พล.ต.อ.ศรีวราห์” ระบุเริ่มพบบางพื้นที่มีการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ สั่งดำเนินคดีและขยายผล จับตากลุ่มเคลื่อนไหวผิดกฎหมาย กำชับเจ้าหน้าที่สั่งทุกเฝ้าระวังทุกพื้นที่คุมเข้มโค้งสุดท้ายก่อนวันลงเสียงประชามติ
วันนี้ (21 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการออกเสียงประชามติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำชับการปฏิบัติงานตำรวจทั่วประเทศในการดูแลความเรียบร้อยช่วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ว่าเริ่มพบมีการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และราชบุรี ซึ่งตำรวจได้จับกุมและอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล รวมทั้ง จับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ที่อาจมีการกระทำความผิด โดยยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ยืนยันว่า หากพบการกระทำผิด พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งกฎหมายอาญา และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน เจ้าหน้าที่ก็จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวด้วยว่า การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องไม่มีการชักจูงชี้นำ รวมถึงการทำโพลต่างๆ ต้องไม่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงด้วยเช่นกัน พร้อมย้ำให้ตำรวจทุกพื้นที่บังคับใช้กฎหมายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิลงเสียงประชามติจำนวนมาก
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายก่อนการลงเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 โดยมีเพียงการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญซึ่งสามารถทำได้ แต่ต้องไม่มีการชักจูงหรือชี้นำให้ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยช่วงโค้งสุดท้ายของการออกเสียงประชามติได้กำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่เฝ้าระวังการกระทำผิดในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยเฉพาะ ในพื้นที่ที่เคยจะมีการตั้งศูนย์ปราบโกง หากพบมีการกระทำผิดพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งกฎหมายอาญา และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน จะต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทุกกรณี รวมทั้งเน้นย้ำไม่ให้ข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนสนับสนุนชี้นำการออกเสียงเด็ดขาด หากพบก็ต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วยเช่นกัน
ส่วนกรณีการโยกย้าย พ.ต.อ.อิทธิ ชำนาญหมอ ผกก.สภ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เนื่องจากไม่มีการรายงานเหตุเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ร.ร.วชิรสารศึกษา จ.กำแพงเพชร ฉีกบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติที่ปิดประกาศไว้ภายบริเวณโรงเรียนให้ผู้บังคับบัญชาทราบภายใน 24 ชั่วโมง ถือว่าบกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่ แม้ส่วนตัวเห็นว่าที่เด็กเป็นเรื่องการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก แต่เมื่อเข้าข่ายข้อกฎหมายทำให้เสียทรัพย์แล้ว ผู้ปฏิบัติงานก็ต้องแจ้งข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ