MGR Online - ทนายสงกานต์พาเหยื่อร้องกองปราบดำเนินคดี กลุ่มข้าราชการระดับสูง และบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ “มณตา” เอื้อกระทำผิดในทุกท้องที่ ชาวบ้านยันเห็น “หญิงไก่” พร้อมตำรวจท่องเที่ยวนำขบวนรับเศรษฐีนีก่อนหายตัวลึกลับ เมื่อปี 2546 แฉตอนไปพม่ามีคนในเครื่องแบบอำนวยความสะดวก
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.45 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ นายกมลศักดิ์ ศรีประเสริฐ ทนายความ พร้อม น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือ ก้อย นายชูเกียรติ ใจกล้า และ นางประภาพร ทองเฟื่อง พ่อแม่ของก้อย น.ส.วณิชยา บุ้นสุนเฮง หรือ มีน และ นางสุกัญญา ศิริม่วง แม่มีน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ชลิต มณีพร้าว รอง สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ตรวจสอบและดำเนินคดีข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน เจ้าหน้าที่รัฐและผู้ใดที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุน หรือยุยงส่งเสริม หรือช่วยเหลือด้วยประการต่าง ๆ แก่ นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ นางไก่ เพื่อเอื้อในการกระทำความผิดทางอาญาในทุกท้องที่ โดยนำเอกสารเป็นข้อมูลที่ญาติของผู้เสียหาย และพยานที่ทราบเหตุการณ์มามอบให้เป็นหลักฐาน
นายสงกานต์ กล่าวว่า วันนี้ตนเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลจากทุกคนที่ยืนยันได้ว่านอกจากนางไก่จะกระทำความผิดตามที่ทราบกันแล้วนั้น ยังมีผู้ใหญ่ระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหาร หรือตำรวจ โดยมีทั้งในราชการและนอกราชการ มีส่วนรู้เห็น และเอื้อประโยชน์ในการกระทำความผิดนั้น ๆด้วย โดยตนได้มาร้องต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้รวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากข้าราชการของรัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว มีตั้งแต่ระดับล่าง ไปจนถึงระดับสูง ก่อนจะทำเรื่องส่งต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามขั้นตอนต่อไป
นายสงกานต์ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ของข้าราชการทหาร และตำรวจ มีหลายอย่างที่เข้าข่ายร่วมกระทำความผิด เช่น กรณีของเศรษฐินี ใน อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่นางไก่ไปอ้างว่าเป็นลูกสาวของอดีตสามีที่เลิกรากับเศรษฐินีคนดังกล่าวไปแล้ว พร้อมระบุว่า ต้องการซื้อที่ดินจำนวน 8 ไร่ มูลค่า 8 ล้านบาท เมื่อปี 2546 นั้น ทางญาติของเศรษฐินีคนดังกล่าว ยืนยันว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2546 ที่เศรษฐินีได้หายตัวไปนั้น นางไก่ เดินทางไปรับเศรษฐินีถึงบ้าน พร้อมทั้งยังมีรถตำรวจท่องเที่ยวนำขบวนไปด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนอกจากญาติแล้ว ยังมีพยานเป็นชาวบ้านละแวกนั้น ยืนยันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ดินดังกล่าวนั้น ทราบภายหลังว่าถูกโอนกลายเป็นชื่อของนางไก่ ก่อนจะมีการขายผ่านมือในเวลา 1 เดือนต่อมา
นอกจากนี้ ยังสังเกตได้จากการทำพาสปอร์ตเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ รวมทั้งเมื่อครั้งไป จ.แม่ฮ่องสอน และจะข้ามไปยังประเทศพม่านั้น ก็มีพยานยืนยันว่า นางไก่ มีคนในเครื่องแบบดูแลและอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดพฤติการณ์การกระทำความผิดของข้าราชการหน่วยอื่น ๆ ว่าเป็นอย่างไร และมีใครบ้างนั้นตนขอยังไม่เปิดเผย เนื่องจากเกรงจะกระทบต่อรูปคดี
นายสงกานต์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้คดีของนางไก่ แยกเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็น ส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำคดีของพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ในขณะนั้น ว่า มีข้อบกพร่องในการทำคดีหรือไม่ โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. เป็นผู้ตรวจสอบ ก่อนจะส่งผลให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบดูแลในส่วนดังกล่าว คาดว่า ผลการตรวจสอบน่าจะไม่เกินวันพุธที่ 13 กรกฎาคมนี้ ในส่วนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตรวจสอบในส่วนของคดีความที่ผู้เสียหายมาร้องให้ดำเนินคดีกับนางไก่ ซึ่งในครั้งแรก พบว่า นางไก่ แจ้งความดำเนินคดีกับอดีตลูกจ้างประมาณ 5 คดี แต่แล้วกลับพบว่าแท้จริงแล้วนางไก่แจ้งไว้อีก 4 ราย รวมเป็น 9 คดี แต่เมื่อมีข่าวว่าอดีตลูกจ้างมาแจ้งความกลับ นางไก่ ก็รีบไปถอนแจ้งความ 4 คดีทันที
นายสงกานต์ กล่าวเพิ่มว่า นอกจากนี้ ทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ยังตรวจสอบพบว่า นางไก่ ยื่นขอให้ รพ.เอกชน แห่งหนึ่ง ย่านแคราย ออกบัตรผู้ป่วยจิตเวชให้ ซึ่งทาง พล.ต.ท.ฐิติราชได้ป้องปรามไว้แล้ว ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า ถึงแม้จะมีบัตรดังกล่าวมาบอกว่านางไก่มีอาการป่วยทางจิต แต่กฎหมายระบุไว้ว่า หากผู้ใดกระทำความผิด โดยเล็งเห็นผลไว้ก่อนแล้ว และมีการเตรียมการ จะอ้างว่าป่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่าชุดสืบสวนลงพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน, กำแพงเพชร, นครสวรรค์ และ พิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นางไก่เคยอาศัยอยู่มาก่อน เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม
นอกจากนี้ นายสงกานต์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสุนทร ขันหิน หรือ โก้ อายุ 38 ปี ชาว จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นคนขับรถคนสนิทของนางไก่ ก่อนจะถูกตำรวจสืบสวนนอกเครื่องแบบ อ้างว่า นายโก้ มีพฤติการณ์ข้องเกี่ยวกับกลุ่มยาเสพติด จากนั้นจึงจับตัวไป และหายสาบสูญไปตั้งแต่ปี 2555 ว่า ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีหญิงไทยส่งภาพถ่ายของนายโก้ ขณะอยู่กลางไร่สวนแห่งหนึ่ง (ไม่ทราบสถานที่) โดยไม่ได้ให้ข้อมูล ซึ่งเมื่อตนลองเข้าไปตรวจสอบในเฟซบุ๊กส่วนตัวของหญิงคนดังกล่าว พบว่า หญิงคนดังกล่าวแต่งงานกับชาวออสเตรเลีย แต่ตนไม่ได้แชต หรือสอบถามข้อมูลใด ๆ ไป และในวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม นี้ ตนจะนำเฟซบุ๊กและรูปถ่ายดังกล่าวไปส่งมอบให้ทางตำรวจ บช.ก. เพื่อประสานไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อตรวจสอบติดตามหาตัวนายโก้ต่อไป เบื้องต้นหญิงคนดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับหญิงสาวที่เคยทำงานกับนางไก่ ก่อนจะถูกส่งตัวไปทำงานที่ต่างประเทศ จึงเชื่อว่า หญิงคนดังกล่าวน่าจะทราบเรื่องราวเกี่ยวกับนายโก้ โดยข้อมูลตรงนี้ตนจะมอบให้กับตำรวจทั้งหมด
ทนายสงกานต์กล่าวอีกว่าตนยอมรับว่าขณะนี้คาดว่านายโก้ คนขับรถคนสนิทของนางไก่อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เพราะจากการตรวจสอบไม่มีการทำเรื่องต่อบัตรประชาชน และขาดการติดต่อกับญาติตั้งแต่ปี2555 ทั้งนี้ตนขอความร่วมมือกับสถาบันนิติเวช ไม่ว่าจะเป็นรพ.ตำรวจ รพ.ศิริราช หรืิอ รพ.รัฐทุกจังหวัด ขอให้ส่งผลการตรวจศพชายไม่ทราบชื่อ มาให้พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ซึ่ง ผู้ใดมีเบาะแสบุคคลในภาพ หรือนายโก้นี้ จะมีรางวัลให้ 5,000 บาท โดยสามารถแจ้งข้อมูลมาที่อินบ๊อค เฟซบุ๊ก "ทค.สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์" ได้ทุกเวลา