xs
xsm
sm
md
lg

ตร.จับอุปกรณ์มือถือปลอมกว่า 4 หมื่นชิ้น มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - รอง ผบ.ตร.-รรท.ผบช.น.แถลงจับอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือละเมิดลิขสิทธิ์กว่า 4 หมื่นชิ้น มูลค่า 5 ล้านบาท ขณะที่ผู้ต้องหารับเป็นแค่คนดูแลโกดังเท่านั้น โดยถูกชาวจีนรายหนึ่งว่าจ้างวันละ 300 บาท

วันนี้ (8ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น., พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น., พ.ต.ต.ไอยรา อากาศวิภาต สว.สส.สน.บางโพงพาง, นายสมบูรณ์ เฉยเจริญ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา และนายภควรรธก์ ศรสำราญตัวแทนบริษัทผู้เสียหายภาคเอกชน ร่วมแถลงผลการจับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า จากการจับกุมตัวนายมานะ กลีบมณฑา อายุ 36 ปี พร้อมของกลาง 1. แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สำหรับมือถือที่ปลอมเครื่องหมายการค้าฯ จำนวน 10,310 ชิ้น 2. อุปกรณ์สำหรับมือถือที่หลีกเลี่ยงภาษี จำนวน 9,829 ชิ้น รวมของกลางทั้งหมด 20,139 ชิ้น มูลค่าความเสียในส่วนเครื่องหมายการค้าประมาณ 5,000,000 (ห้าล้านบาท) โดยกล่าวหาว่า 1. จำหน่าย เสนอจำหน่าย มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักร (พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ) 2. ซื้อหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านวิธีทางศุลกากร หรือหลีกเลี่ยงภาษีอากร (พระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ)

ทั้งนี้ จากการสืบสวนของชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สืบทราบมาว่าห้องไม่มีชื่อและเลขที่ชั้น 1 อาคารแผ่นดินทอง ซอยวัดบรมนิวาส ถนนพระราม 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่จัดเก็บซุกซ่อนสินค้าประเภทแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สำหรับโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ที่มีการปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว จึงได้ทำการสืบสวนจนแน่ชัดก่อนทำการยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ เพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว โดยศาลได้ออกหมายค้นที่ 350/2559 ลง 7 ก.ค. 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา และตัวแทนผู้เสียหายจากซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ คัมพะนี ลิมิเต็ด ได้เดินทางมายังสถานที่ดังกล่าวเพื่อทำการตรวจค้น มาถึงพบนายมานะ กลีบมณฑา ได้แสดงตนเป็นผู้ดูแล จึงได้แสดงหมายค้นให้ตรวจดูและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งวัตถุประสงค์ให้ทราบก่อนให้นำการตรวจค้น

นายมานะรับสารภาพว่า ได้รับจ้างจากคนจีนรายหนึ่งซึ่งเรียกว่า “เฮีย” ไม่ทราบนามสกุล ให้ทำหน้าที่เฝ้ารักษาสินค้าในโกดัง โดยได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหาและสิทธิต่างๆ ของผู้ถูกจับให้ทราบก่อนทำการจับกุมตัวและนำตัวผู้ถูกจับพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบในสายตาของชาวต่างชาติโดยเฉพาะในเรื่องการกีดกันทางการค้าและเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่จะมีการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น ฉะนั้นจึงมีกระบวนการตามนโยบายการจับกุมผู้ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของคนอื่น ปลอมแปลงสินค้าต่างๆ ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ทำการดูแลและรายงานผลการปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง

นายสมบูรณ์กล่าวว่า ในช่วงหลังจะเน้นการตรวจสอบสต๊อกสินค้าหรือแหล่งจำนาดขนาดใหญ่เป็นหลักเพราะสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาโดยเฉพาะอุปกรณ์โทรศัพท์ซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพและอาจก่อให้เกิดอันตรายจากอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพก่อให้เกิดการชำรุดเสียหาย และทำลายเศรษฐกิจของประเทศโดยการถูกกีดกันและลงโทษทางการค้า



กำลังโหลดความคิดเห็น