MGR Online - ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ เตรียมขอข้อมูลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตรวจสอบที่ดิน เวิลด์พีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ รุกล้ำพื้นที่รัฐหรือไม่
สืบเนื่องจากกรณีตัวแทนศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์พีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ ที่ครอบครองที่ดินทั้งหมดประมาณ 500 ไร่ ได้ยื่นเอกสารสิทธิที่สำนักงานนิคมสร้างตนเองลำตะคอง โดยนำเอกสารสิทธิประเภทโฉนดจำนวน 3 แปลง และประเภท น.ส.3 ก.จำนวน 10 แปลง รวมทั้งสิ้น 13 แปลง มีการโอนที่ดินช่วงระหว่างปี 2550 ถึง 2553 โดยชื่อผู้ถือครองคือ มูลนิธิตะวันธรรม 12 แปลง และรายนามบุคคลธรรมดา 1 แปลง ส่วนพื้นที่ 7 แปลงซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ ทางตัวแทนศูนย์ฯ ยื่นเป็นเอกสารประเภท น.ค.3 จำนวน 1 แปลง และ ภบท.5 จำนวน 6 แปลง
ทั้งนี้ ที่ดินประเภท น.ค.3 ไม่สามารถซื้อ ขาย จ่าย โอนได้ ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนเเปลงเอกสารสิทธิเป็นประเภท น.ส.3 หรือโฉนดก่อน ส่วน ภบท.5 เป็นเพียงแค่ใบสำคัญรับเงินภาษีบำรุงท้องที่ มีสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้ออกให้ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ปกครองนิคมสร้างตนเองลำตะคองรับหนังสือไว้แล้วและเตรียมส่งเอกสารให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตรวจสอบและพิจารณาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ (5 มิ.ย.) พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (ผบ.สคส.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า ภาพรวมในคดี พม.เป็นหน่วยงานหลักและมีสำนักงานการปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) ร่วมตรวจสอบด้วย ส่วนดีเอสไอได้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นผู้ดำเนินการ แต่ก็ทำงานควบคู่ขนานกันไป รวมทั้งเตรียมประสานขอข้อมูลจาก พม.เพื่อช่วยตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดว่ามีบริเวณใดของสถานปฏิบัติธรรมเวิลด์พีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ รุกล้ำพื้นที่ของรัฐหรือไม่
“สำหรับ ภบท.5 เป็นใบสำคัญรับเงินภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้น ไม่ใช่เอกสารสิทธิ ฉะนั้นพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นที่หลวงอยู่ ส่วน น.ค.3 ต้องตรวจสอบที่มาก่อนว่าออกชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และตรวจสอบบุคคลที่มีเอกสารสิทธิตรงที่ดินนั้นว่าสามารถเปลี่ยน น.ค.3 เป็นโฉนดได้หรือไม่อย่างไร อีกทั้งตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจคาบเกี่ยวกับแผนที่ระหว่างพื้นที่ ส.ป.ก. และพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองหรือไม่ แต่ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้รับเอกสารดังกล่าว” พ.ต.ท.ประวุธกล่าว