MGR Online - อัยการสูงสุดยังไม่สรุปผลสอบอัยการ-รองอัยการนาทวี-สมุทรสาคร หลังโดนคำสั่งหัวหน้า คสช.เด้งรวม 3 ราย ระบุจะต้องรอคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จภายใน 30 วัน
วันนี้ (27 มิ.ย.) ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาหัวหน้า คสช. มีคำสั่งที่ 33/2559 เรื่องให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นโดยอาศัย มาตรา 44 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ซึ่งมีรายชื่ออัยการจังหวัดนาทวี, รองอัยการจังหวัดนาทวี และรองอัยการจังหวัดสมุทรสาคร รวม 3 คน โดยมีกระแสข่าวว่าอัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่พบความผิดตามข้อกล่าวหา และเตรียมรายงานให้ รมว.ยุติธรรมในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อเสนอหัวหน้า คสช.ว่าไม่เป็นความจริง
เนื่องจากภายหลังหัวหน้า คสช.มีคำสั่งดังกล่าว ตนเพียงแต่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นของคำสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการดังกล่าวว่ามีสาเหตุ ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ยังไม่ได้ลงรายละเอียด เท่าที่ทราบศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติจะส่งข้อมูลที่เป็นสาเหตุของการเสนอย้าย อัยการปฏิบัติราชการนั้นมาให้สำนักงานอัยการสูงสุดที่เป็นต้นสังกัดภายในสัปดาห์นี้ โดยตนจะแต่งตั้งอัยการ 1 ชุดเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเพื่อสรุปผลว่ามีการกระทำที่ว่ามีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบจนเกิดความเสียหายแก่ราชการหรือจริงไม่ ซึ่งจะมีเวลาตรวจสอบ 30 วันตามประกาศคำสั่ง คสช. ดังนั้นจึงไม่เป็นความจริงที่ว่าตนได้สรุปผลนั้นแล้วจะส่งให้หัวหน้า คสช. ส่วนอัยการที่ถูกกล่าวหานั้นขณะนี้ทราบว่าได้มารายงานตัวสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อย้ายการปฏิบัติราชการตามคำสั่งหัวหน้า คสช.แล้ว
ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่าสำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่มีคำสั่งใดๆในเรื่องนี้ ข่าวที่ว่าอัยการสูงสุดสรุปเรื่องแล้วจึงไม่เป็นความจริง โดยคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ประกาศออกมาในข้อ 2 ระบุว่า ให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติแจ้งข้อเท็จจริงที่เป็นมูลแห่งการตรวจสอบการปฏิบัติราชการให้หน่วยงานเจ้าสังกัดทราบเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาส่วนราชการเจ้าสังกัดนั้น แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยให้ผลเสร็จภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งข้อมูลจากศูนย์ ดังนั้นขณะนี้อัยการที่มีชื่อต้องปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.ดังกล่าวก่อนซึ่งถือเป็นกฎหมาย จนกว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่จะตั้งขึ้นเสนอความเห็นอัยการสูงสุดเพื่อสรุปและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป