MGR Online - “ศานิตย์” แถลงรวบหนุ่มอ้างเป็น “สารวัตรโจ้” ชักปืนขู่คู่กรณี รับโมโหที่โดนปาดหน้า ทำเพื่อข่มขู่ไม่ได้หมายเอาชีวิต ส่วนคู่กรณีขอโทษแต่สิ่งที่ทำให้ไม่พอใจคือบิดกุญแจรถและขู่จะฆ่า ก่อน จนท.คุมตัวดำเนินคดี
วันนี้ (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พ.ต.อ.สมโภช สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางโพงพาง พ.ต.ท.ดุสิต วาลีประโคน รอง ผกก.สส.สน.บางโพงพาง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางโพงพาง ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายอุดมทรัพย์ ล้อมแก้ว อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาอ้างเป็นสารวัตรโจ้ ชักปืนขู่คู่กรณีบนท้องถนน
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายกิตตศักดิ์ แซ่หว่อง ผู้เสียหายได้ขับรถมาตามถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้าแยกสาธุประดิษฐ์ และได้ขับแซงรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน ชธ 6069 กทม. ในลักษณะปาดหน้ากัน จากนั้นได้ขับต่อมาจนเมื่อถึงบริเวรณถนนพระราม 3 รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซได้ขับมาปาดหน้ารถผู้เสียหายจนรถหยุด จากนั้นคนขับเป็นชายสวมกางเกงขาสั้นได้ลงเดินมาจากรถพร้อมอาวุธปืนสั้นแบบลูกโม่ไม่ทราบขาด เข้ามาพูดข่มขู่และเอาปืนจ่อผู้เสียหายพร้อมอ้างเป็นสารวัตรโจ้ และได้เกินกลับไปที่รถและได้ขับรถหนีไป โดยเกิดเหตุเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางโพงพาง สืบจนทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีนายอุดมทรัพย์เป็นผู้ครอบครองจึงได้นำรูปจากข้อมูลทะเบียนราษฎรมาให้ผู้เสียหายตรวจสอบ โดยผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่เอาปืนมาขู่ตน จึงได้ขออนุมัติต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหาซึ่งศาลอนุมัติหมายจับที่ จ. 430/2559 ลงวันที่ 17 มิ.ย. 2559
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหานำรถยนต์ไปจอดทิ้งไว้ที่ อ.สามโคก จ.ปทุธานี และนำอวุธปืนพก ไปทิ้งไว้ที่บ้านญาติที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก ส่วนผู้ต้องหาหลบไปอยู่ในพื้นที่ อ.จักราช จ.นครราชสีมา กระทั่งเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เวลา 12.00 น.จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าวได้ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง ก่อนนำตัวมาขยายผลตรวจค้นตามสถานที่ต่างๆ ที่ผู้ต้องหาได้นำหลักฐานไปทิ้งไว้ ตลอดห้องพักในคอนโดออกัส ถนนเจริญกรุง ซอย 80 พบเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ รวมถึงอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ ก่อนควบคุมตัวสอบสวนที่ สน.บางโพงพางเพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป โดยข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้ตกใจกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ โดยมีอาวุธ
นายอุดมทรัพย์ให้การรับสารภาพว่า รับเป็นบุคคลในคลิปที่ปรากฏ ที่ตนอ้างว่าเป็นสารวัตรโจ้ไม่ต้องการทำให้ตำรวจเสื่อมเสีย เพียงแต่ต้องการกำราบและข่มขู่คู่กรณีให้เกิดเกรงกลัว วันเกิดเหตุตนถูกขับรถปาดหน้าก่อนเหมือนโดนท้าทายทำให้โมโห และปืนยังอยู่ในซองไม่ได้ชักออกมา ไม่ได้ประสงค์หมายจะเอาชีวิต ปืนที่นำมานั้นเป็นของรุ่นพี่ที่เอามาจำนำไว้เตรียมจะไถ่คืนในช่วงตอนเย็น
ด้านนายกิตติศักดิ์กล่าวว่า ตนยอมรับว่าได้ขับรถปาดหน้านายอุดมทรัพย์ แล้วก็ต้องขอโทษด้วย ตนเป็นลูกผู้ชาย แต่การกระทำของเขาลงมาต่อว่าถือปืนลงมาข่มขู่ สิ่งที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจทำให้ตนกลัว สิ่งที่โมโหมากที่สุดคือมาบิดกุญแจรถและขู่จะฆ่าจะทำร้าย เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
จากการตรวจสอบประวัตินายอุดมทรัพย์พบว่าเคยถูกออกหมายจับเมื่อปี 18 เม.ย. 2552 ท้องที่ สภ.นนทบุรี, 8 มิ.ย. 2552 และ 4 ก.ค. 2552 ท้องที่ สน.ทองหล่อ และ 14 พ.ย.ท้องที่ สน.อุดมสุข ในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ทั้งนี้ นายอุดมศักดิ์เคยถูกนำตัวมาแถลงข่าวที่ บช.น. ในคดีโจรกรรมรถยนต์ ก่อเหตุเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.