MGR Online - ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี หนุ่มพ่นสีสเปรย์ใส่ป้ายศาล ชี้มีบิดามารดาที่จะต้องเลี้ยงดูและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน และให้ปรับเงิน 9,000 บาท คุมประพฤติ
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.2342/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายณัฐพล เข็มเงิน หรือเจเจ อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้าง ช่างศิลป์ประจำกองถ่าย และนักดนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดซึ่งความเสียหายแก่สาธารณะประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360, พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 12, 35, 54 และ 56
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องบรรยายพฤติการณ์ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2558 เวลากลางคืน จำเลยใช้สีสเปรย์สีดำพ่นสัญลักษณ์เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ (A) มีวงกลมล้อมรอบ ลงบนป้ายชื่อสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอาญา ที่ด้านหน้าและด้านหลังข้อความ ศาลอาญา 2 แห่ง เป็นเหตุให้ป้ายข้อความทั้งสองที่ส่วนราชการได้จัดทำไว้เพื่อสาธารณประโยชน์เกิดความเสียหาย และเสื่อมค่า เหตุเกิดที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ต่อมาวันที่ 25 พ.ค. 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน สามารถติดตามจับกุมจำเลยได้ และให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดีโดยไม่ต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริงซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์นั้นมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ อันเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำความผิดและขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด การพ่นสีสเปรย์ไม่ได้ทำให้ป้ายเสียหาย เสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์นั้นฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในประเด็นนี้ แต่ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลรอการลงโทษนั้น เห็นว่าจำเลยประกอบสัมมาชีพและมีบิดามารดาที่จะต้องดูแล หากจำเลยได้รับโทษจำคุกจะทำให้เสียโอกาสในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้เมื่อจำเลยไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองดีโดยให้รอการลงโทษ ที่ศาลชั้นต้นไม่ให้รอการลงโทษนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย แต่เพื่อให้หลาบจำเห็นควรลงโทษปรับและคุมประพฤติแก่จำเลยด้วย พิพากษาแก้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี ปรับ 9,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 1 ปี ปรับ 4,500 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมประพฤติจำเลย โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง และให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ด้านนายณัฐพล กล่าวว่า ศาลมีคำพิพากษาให้มีโทษปรับเป็นเงิน 9,000 บาท แต่ลดให้กึ่งหนึ่งเหลือ 4,500 บาท ส่วนโทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี เพราะตนมีความจำเป็นที่จะเลี้ยงดูบุพการีและประกอบอาชีพสุจริต สำหรับคดีที่อัยการยื่นฟ้องฐานละเมิดอำนาจศาลนั้น ศาลพิพากษาให้จำคุก 1 เดือนและรอลงอาญาตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์อีก โดยขณะนี้ตนสบายดีเปิดร้านขายเบอร์เกอร์ พร้อมยังเล่นดนตรีอยู่เรื่อยๆและกำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยเช่นเดิม
