MGR Online - ตร.กองปราบฯ ตามรวบสาวอ้างโบรกเกอร์ธนาคาร หลอกตุ๋นเงินเหยื่อลงทุนปิดหนี้เครดิตบูโรร่วม 10 ราย สูญเงินร่วม 50 ล้านบาท เบื้องต้น ยังคงให้การปฏิเสธ ตร.ไม่ปักใจเชื่อ พร้อมสืบหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่ม
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.ท.อรุณ วชิรศรีสุกัญญา รักษาราชการแทน ผกก.2 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ต.กรกช ยงยืน สว.กก.2 บก.ป. ร.ต.อ.พรพิทักษ์ พัตนชัย รอง สว.กก.2 บก.ป.นำกำลังจับกุม น.ส.สกุลศุภ หรือโรส คุณกัณหา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 222/446-7 หมู่ 1 ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.17/2558 ลงวันที่ 14 ม.ค. 58 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ได้ที่ลานจอดรถโรงเบียร์ฮอลแลนด์ ถ.พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
ทั้งนี้ เมื่อปี 2558 ได้มีผู้เสียหาย จำนวน 10 คน รวมตัวกันมาเข้าร้องเรียนให้ช่วยจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ และ นายมงคล จิตตธรรม อายุ 38 ปี สองสามีภรรยา โดยเมื่อปี 2556 นางสกุลศุภ ได้อ้างตัวต่อผู้เสียหายกลุ่มนี้ว่า ทำงานเป็นโบรกเกอร์ธนาคารหลายแห่ง และรู้จักกับผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อของธนาคารไทยพานิชย์ ประจำอยู่สำนักงานใหญ่ ต้องการระดมเงินไปปิดยอดค้างชำระเงินกับทางธนาคาร หรือเครดิตบูโรให้แก่บรรดาลูกค้าที่กู้เงินธนาคารแล้วยังมีหนี้ค้างอยู่ แต่อยากกู้เงินเพิ่มอีก หากลูกค้าธนาคารเหล่านี้ได้รับอนุมัตให้กู้เงินใหม่ได้ก็จะนำเงินมาคืนให้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยค่าตอบแทนในอัตราที่สูง
ในช่วงแรกๆ ของการลงทุนผู้เสียหายก็จะได้รับเงินต้น และผลตอบแทนคืนจริง จึงทำให้มีเหยื่อตายใจนำเงินมาร่วมทุนเพิ่ม บางคนถึงกับยอมขายบ้าน รถ ที่ดิน เพื่อหาเงินมาร่วมลงทุน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
ต่อมา เมื่อผู้ต้องหาได้เงินจากกลุ่มผู้เสียหายแล้วกลับเลื่อนผัดผ่อนชำระเงินต้น และดอกคืนให้โดยอ้างว่า มีลูกค้าเพิ่มต้องใช้เงินจำนวนมาก ก่อนที่จะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเร่งรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานจนมีการออกหมายจับ น.ส.สกุลศุภ ได้เป็นรายแรกพร้อมกับแกะรอยหาเบาะแสจนทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม.จึงสามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน น.ส.สกุลศุภ ยังคงให้การปฏิเสธ และไม่ขอเปิดเผย หรือให้รายละเอียดใดๆ
จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหารายนี้ พบว่า มีหมายจับคดีฉ้อโกงในพื้นที่ สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และถูกแจ้งความเอาผิดคดีฉ้อโกงประชาชนในพื้นที่ จ.กระบี่ และ สน.มีนบุรี อีกหลายคดี
ส่วน นายมงคล ผู้เป็นสามีนั้นขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อการกระทำผิดดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของการขยายผลสืบสวน และหาหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบ สภ.เมืองชลบุรี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป