xs
xsm
sm
md
lg

พ่อแม่ร้อง ปคม. ลูกสาวถูกนายหน้าหลอกไปค้ากามบาห์เรน พบมีเหยื่อร่วม 10 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - พ่อแม่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ปคม.ดำเนินคดีนายหน้าหลอกลูกสาวไปค้ากามที่บาห์เรน พบมีเหยื่อร่วม 10 ราย คาดปลอมแปลงชื่อขึ้นมาหลังค้นในทะเบียนราษฎรไม่พบ

วันนี้ (13 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำครอบครัวผู้เสียหาย ประกอบด้วย นายกันยา คำพรหมมา อายุ 52 ปี นางลำไพ คำพรหมมา อายุ 49 ปี และ น.ส.ปวีณา คำพรหมมา อายุ 26 ปี ชาว จ.อุดรธานี บิดา มารดาและน้องสาว ของ น.ส.เพ็ญประภา คำพรหมมา อายุ 30 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายหน้าที่หลอก น.ส.เพ็ญประภาว่าจะพาไปนวดแผนไทยแต่แล้วกลับพาไปค้าประเวณี โดยนำหลักฐานเป็นข้อความการสนทนา รวมทั้งรูปภาพผู้เสียหายและนายหน้ามามอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

นายอัจฉริยะกล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2559 น.ส.เพ็ญประภาเดินทางไปทำงานนวดแผนโบราณในร้านอาหารที่เมืองมานามา ประเทศบาห์เรน โดยเสียค่าหน้านายจำนวน 300,000 บาทก่อนออกเดินทาง จากนั้นผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ น.ส.เพ็ญประภาได้ติดต่อกลับมาทางโทรศัพท์ของน้างสาวตัวเองผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์พร้อมบอกว่าสบายดี ก่อนจะโอนเงินมาให้ครอบครัวจำนวน 10,000 บาท ต่อมาช่วงกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.เพ็ญประภาได้ติดต่อกับมาผ่านโทรศัพท์ของน้องสาวอีกครั้งพร้อมระบุว่าถูกบังคับให้ค้าประเวณี หากตนไม่ยอมก็จะถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย และหลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกับผู้เสียหายอีกเลย

นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า ต่อมา น.ส.เพ็ญประภาได้ส่งรูปภาพตัวเองที่โดนบังคับไปให้เพื่อนที่รู้จักและเป็นสมาชิกกลุ่มแอปพลิเคชันไลน์ของชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมจึงได้ติดต่อกับยังตนและประสานไปถึงครอบครัวของ น.ส.เพ็ญประภา จึงได้เดินทางมาร้องเรียน บก.ปคม.ในวันนี้ นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวอีกกว่า 10 รายถูกบังคับให้ค้าประเวณีที่ร้านอาหารดังกล่าวจึงอยากขอความช่วยเหลือออกมาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางชมรมฯ ได้ค้นหาข้อมูลชื่อนางศุภนัฐ ปราบคนชั่ว นายหน้าในทะเบียนราษฎร แต่ปรากฏว่าไม่มีชื่อบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด จึงสงสัยว่าเป็นชื่อน่าจะมีการปลอมแปลงขึ้นมา

ด้าน พ.ต.อ.มานะกล่าวว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้ ก่อนพร้อมขอข้อมูลครอบครัวผู้เสียหาย จากนั้นจะประสานไปยัง กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากมีช่องทางช่วยเหลืออยู่แล้วซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำตัวหญิงไทยคนดังกล่าวกลับมายังประเทศไทยเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะเดียวกันจะตรวจสอบข้อความสนทนาทางโซเชียลฯ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดต่อนายหน้าต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น