MGR Online - เลขาฯ ป.ป.ท.พร้อม พล.ต.อ.จรัมพร ลงพื้นที่ตรวจสอบทุจริตโครงการอุดกลบบ่อน้ำบาดาล จ.สมุทรสาคร หลังประชาชนร้องเรียน เบื้องต้นตรวจพบพิรุธเบิกจายหลายรายการ
วันนี้ (3 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี คณะกรรมการ ป.ป.ท. พ.ต.อ. พิเชษฐ์ เวชพันธ์ ผอ.ป.ป.ท. เขต 7 และ เจ้าหน้าที ป.ป.ช. สตง. และ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ร่วมตรวจสอบการทุจริตโครงการอุดกลบบ่อน้ำบาดาล 2 แห่ง จุดแรกบริเวณหน้าที่ทำการบ้านผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 ซอยฤษีดาบส ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และจุดสองบริเวณหน้าที่ทำการบ้านผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 ซอยรางโพธิ์ ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร โดยพบว่ามีการทำไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
นายประยงค์เปิดเผยว่า ในนามของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มีหน่วยงาน ประกอบด้วย ป.ป.ช., ป.ป.ท. และ สตง. โดยวันนี้หลายหน่วยงานร่วมกันเดินทางมาตรวจสอบโครงการอุดกลบบ่อน้ำบาดาล หลังมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมากเกี่ยวกับการใช้งบประมาณปี 57 ซึ่งการตรวจสอบจะดำเนินการย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2547-2557 จำนวนทั้งสิ้น 44,271 บ่อ ซึ่งใช้งบประมาณ 895,300,100 บาท พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริงจากการลงสำรวจพื้นที่ที่ได้รับร้องเรียน
นายประยงค์กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบการโครงการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลของการใช้งบประมาณปี 57 มีการตั้งงบประมาณ 103 ล้านบาท มีการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลทั้งสิ้น จำนวน 4,886 บ่อ ตกเฉลี่ยบ่อละประมาณ 16,000-19,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบได้พบข้อพิรุธ 3 ส่วน คือ 1. เอกสารเบิกจ่ายและค่าแรงงาน 2. การสอบถามประชาชนในพื้นที่และได้คำตอบว่าไม่ได้ทำครบตามขั้นตอนที่กำหนด และ 3. ตรวจสอบสภาพความเป็นจริงของบ่อบาดาล พบว่าไม่ได้ตามมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ทาง ศอตช.จะปูพรมลงพื้นที่ตรวจสอบการอุดกลบบ่อบาดาลทั้งหมดทั่วประเทศต่อไป
“การอุดกลบบ่อน้ำบาดาลหากถึงกำหนดเวลาที่ต้องอุดกลบแล้วไม่ได้ดำเนินการจะทำให้เกิดความเสียหาย เช่น กรณีบ่อน้ำบาดาลอยู่ใกล้กับทะเลจะมีปริมาณน้ำเค็ม น้ำกร่อย อาจซึมเข้าบ่อน้ำบาดาลได้จึงจำเป็นต้องตรวจสอบและอุดกลบให้ถูกต้อง รวมทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำป้องกันการใช้งบประมาณปี 58 ในการขุดเจาะบ่อบาดาลใหม่ 6,922 บ่อ เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตซ้ำอีก” เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าว
นายประยงค์กล่าวต่อว่า ส่วนขั้นตอนการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลนั้นต้องมีการสำรวจพื้นที่ภายในชุมชนเนื่องจากว่าส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในชุมชนเป็นหลัก จากนั้นจะมีการเป่าทำความสะอาดท่อ ก่อนเทปูนป้องกันรอยร้าวไม่ให้น้ำเค็มผสมปนน้ำจืดเพื่อป้องกันไม่น้ำเสีย ซึ่งขั้นตอนในการอุดกลบบ่อต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 วัน
นายประยงค์กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่พยานผู้เห็นเหตุการณ์ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่เข้าอุดกลบน้ำบาดาลโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 วัน ตามเวลาที่กำหนดทั้งหมด 4 วัน แต่มีการเบิกเงินเต็มจำนวน เช่น เบี้ยเลี้ยงรายวัน และจากการตรวจสอบลงลึกในเอกสารพบว่าใบเสร็จที่ใช้ในการเบิกจ่ายในการซื้อน้ำมัน ซื้อปูน ปรากฏว่าไปสอบที่ร้านจำหน่ายหัวใบเสร็จก็ทราบว่าไม่ใช้ร้านของเขา แต่เป็นการปลอมแปลงขึ้นมา นอกจากนี้ ยังสังเกตเห็นว่ามีการนำทรายผสมปูนซีเมนต์เทลงไปในบ่อด้วย
ด้าน พล.ต.อ.จรัมพรเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบการอุดกลบบ่อบาดาลทั้ง 2 จุด ในพื้นที่ ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เบื้องต้นบ่อแรกมีความลึก 220 เมตร พบว่าใบเสร็จมีการใช้ปูน 112 ถุง อุดเฉลี่ยใช้ปูน 1 ถุง ได้ประมาณ 1 เมตรเศษ เมื่อเปิดฝาปิดท่อน้ำออกพบเพียงมีการใส่ดินลงไปเท่านั้น จึงให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สพฐ.) ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งจากการสอบพยานทราบว่ากระบวนการอุดกลบไม่มีการเป่าล้างท่อ โดยการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลนี้เนื่องจากเลิกใช้แล้วเพราะว่าน้ำบริเวณนี้จะมีน้ำกร่อยและน้ำเค็มปะปนอยู่เพราะอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร
พล.ต.อ.จรัมพรเปิดเผยต่อว่า ส่วนบ่อสองมีความลึก 240 เมตร ในใบเสร็จมีการใช้ปูน 55 ถุง และจากการสอบถามพยานพบว่าไม่มีการล้างเป่าท่อเช่นกัน เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดฝาท่อออกพบว่า มีการโบกปูนซีเมนต์ทับด้านหน้าแต่ลึกลงไปไม่สามารถตรวจสอบได้ต้องใช้เครื่องมือหนักทำให้เกิดข้อพิรุธหลายประการตรงจุดนี้
“ทาง ป.ป.ท.จะตรวจสอบการเบิกจ่ายของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลดังกล่าว โดยส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าชุดอุดกลบทั้ง 97 ชุด รวมไปถึงผู้อำนวยการโครงการที่เป็นผู้รับรองเอกสารและผู้อำนวยการเขตกรมทรัพยากรน้ำบาดาลที่มีส่วนกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม ต้องดูรายละเอียดเป็นขั้นเป็นตอนเสียก่อน” พล.ต.อ.จรัมพรกล่าว