พิษณุโลก - ครู-อาจารย์ พร้อมญาตินักศึกษา ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม เหยื่อตำรวจโหดไล่ยิง-ปืนตบกะโหลก ทำร้ายปางตายกลางเมือง โร่ร้อง ป.ป.ท.ช่วยสอบสวนข้อเท็จจริงซ้ำ หลัง 3 ตำรวจโดนให้ออกจากราชการแล้วแต่ยังมีคนตามข่มขู่ผู้เสียหาย เบื้องต้นพบสำนวนคดียังบกพร่องหลายจุด
วันนี้ (29 มี.ค.) พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้เดินทางมาที่สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 6 พิษณุโลก เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์จากพยานและผู้เสียหาย กรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ยิง-ปืนตบกะโหลก ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ 5 ราย หลังมีการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายแล้ว ยังมีการข่มขู่พยาน และผู้เสียหาย รวมทั้งเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยคณะครูอาจารย์ และญาติของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามได้เดินทางไปให้ข้อมูลแก่ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่ พร้อมกับยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้ทาง ป.ป.ท.สอบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง
พล.ต.อ.จรัมพรเปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก ป.ป.ท.พื้นที่เขต 6 ว่าทางคู่กรณี โดยเฉพาะตัวนักศึกษา และพยานได้มาร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการสอบสวนและดำเนินคดีที่เกิดขึ้น จึงลงมาตรวจสอบในเรื่องของการรวบรวมหลักฐาน แสวงหาข้อเท็จจริงว่าทางเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ดำเนินการไปมากน้อยแค่ไหน
ซึ่ง ป.ป.ท.เป็นหน่วยงานที่สามารถลงมาดูแลควบคุมการทำงานในครั้งนี้ได้ โดยอาศัยอำนาจของ คสช.ที่ 69/2557 ที่ระบุไว้ว่า หากเกิดกรณีที่มีการกล่าวหา หรือมีเหตุอันชวนสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ประพฤติไม่ชอบในตำแหน่งหน้าที่ หรือมีการทุจริตในหน้าที่ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ป.ป.ท.มีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริง
“วันนี้จำเป็นต้องมาติดตามคดีของตำรวจท้องที่ ผู้บังคับบัญชาได้ดำเนินการไปแล้วมากน้อยแค่ไหน แต่การสอบสวนจะอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ท.หรือไม่ก็ต้องดูการสอบสวนข้อเท็จจริง”
โดยเบื้องต้นผลตรวจสอบสำนวนรูปคดีที่เกิดขึ้นยังพบข้อบกพร่องหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ, การพิสูจน์คราบเขม่าปืน เป็นต้น และถ้าหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐทำงานบกพร่องต่อหน้าที่ ก็จะเข้าข่ายมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าทีทันที
จากนั้น พล.ต.อ.จรัมพรได้เดินทางไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เพื่อพบกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมกำชับเรื่องการทำสำนวนและพิสูจน์หลักฐานของคดีนี้ให้รัดกุมมากที่สุดด้วย