xs
xsm
sm
md
lg

แก๊งคนร้ายอ้างเป็นตำรวจ ปส.บุกฉกทรัพย์บริษัทที่ปรึกษากว่า 3 ล้านบาทมอบตัวสู้คดีกับตำรวจอ้างถูกใส่ร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - 7 คนร้ายอ้างตัวเป็นตำรวจ ปส.บุกเข้าปล้นทรัพย์สินบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนต่างประเทศ มูลค่ากว่า 3 ล้าน มอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างถูกกล่าวหาพร้อมขอประกันตัวสู้คดีตามกฎหมาย ขณะที่ผู้เสียหายเผยหลังปรากฎเป็นข่าวยังถูกส่งข้อความข่มขู่ทางไลน์

วานนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่บริษัท จิตติพงษ์ จำกัด ภายในซอยงามวงศ์วาน 25 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี นายกิตติ อดุลย์แก้วผลึก อายุ 54 ปี น.ส.จิตอาภา มนูนาทวิมลกฤกตย์ อายุ 39 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนต่างประเทศ ได้กล่าวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณีที่ถูกคนร้ายเป็นชายและหญิง 7 คนอ้างเป็นตำรวจ ปส.เข้ามาปล้นทรัพย์ไปกว่า 3 ล้านบาท พร้อมถอดข้อมูลในการค้าเกี่ยวกับการลงทุนของบริษัทออกไปจนหมดนั้น หลังเป็นข่าวปรากฏออกไปทางสื่อต่างๆ โดยคนร้ายคือ นายพิทักษ์พงษ์ วัฒนกิจไกร ยังคงส่งไลน์มาข่มขู่ตนและภรรยาว่า อยากดังอยากเป็นข่าวใช่ไหม ไม่เป็นไรตนเองใหญ่พอที่จะเคลียร์คดีได้ ที่เจอไปไม่กลัวใช่ไหมเดี๋ยวจัดให้ใหม่ คราวนี้จัดหนักจัดใหญ่เลย เอาแบบทางภาคใต้เลยไหม ฆ่าตัดคอเลยละกัน ทำให้ตนและภรรยารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากในตอนนี้จนแทบจะไม่กล้าไปไหน ส่วนวงจรปิดที่กู้กลับมาได้และเห็นภาพคนร้ายชัดเจนนั้นก็จะนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนไว้เป็นหลักฐานในคดีเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ วันนี้ตนก็ได้ให้ช่างเทคนิคเข้ามาแก้ไขในระบบคอมพิวเตอร์ตามจุดต่างๆ ภายในบริษัทเพี่อทำธุรกิจให้ต่อเนื่อง หลังโดนถอดข้อมูลไปจนทำการค้าไม่ได้และตนเองกับภรรยาก็รู้สึกหวาดกลัวเพราะโดนส่งไลน์มาข่มขู่ตลอดเวลาซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรีได้ติดต่อมาทางนายกิตติ เพื่อนัดสอบปากคำ และแจ้งว่าฝ่ายนายพิทักษ์พงษ์จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อมอบตัวและชี้แจงข้อเท็จจริง

ขณะที่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.อ.สุรพงษ์ ถนอมจิตร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.มนตรี ขันเทศ ผกก.สภ.เมือง นนทบุรี พ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ รอง ผกก.สส.สภ.อ.เมือง นนทบุรี พร้อมพนักงานสอบสวน รับมอบตัวผู้ถูกกล่าวหาที่อ้างตัวเป็น ปส.7 คน โดยมีนายพิทักษ์พงษ์ วัฒนกิจไกร หรือสารวัตรจ๊าบ อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ที่โอนย้ายไปอยู่ ปส. ก่อนจะไปเอาดีด้วยการติดตามนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุดจะออกไปประกอบธุรกิจด้านการลงทุนได้พาผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คนที่โดนแจ้งความดำเนินคดีมามอบตัว

นายพิทักษ์พงษ์กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมากที่เรื่องนี้เกิดขึ้นในจังหวัดนนทบุรี ทางผู้กล่าวหาเขาเตรียมแผนมาดี เหมือนเขาล่อเราไปติดกับดัก ไลน์คุยกันนัดหมายให้เราเข้าไปแล้วเขาออก ก่อนลูกน้องตนเองจะเข้าไป พอเจอหน้ากันเขาก็กลับเข้าไปทำทีเป็นรื้อค้นโต๊ะทำข้าวของกระจาย ก่อนจะออกตนเองได้ถ่ายรูปเอาไว้หมดทุกคนไว้แล้ว ซึ่งเขาต้องการที่จะเล่นงานตนในแง่ของกฎหมาย มีการติดต่อประสานกันล่วงหน้าไว้ก่อนที่เราจะเข้าไป โดยทางคู่กรณีเขาแจ้งความดำเนินคดีต่อเราว่าไปปล้นทรัพย์สินของเขาประกอบด้วยแหวนเพชร นาฬิกาปาเต๊ะ สิ่งของทรัพย์สินที่อยู่ในโต๊ะเขาหายไป มูลค่ารวม 3 ล้านกว่าบาท โดยเขากล่าวหาเราว่าเข้าไปร่วมกันปล้นทรัพย์ กรรโชกเอาทรัพย์สินเขาไป ว่าเรามีการพูดข่มขู่พนักงานของเขา ซึ่งภายในมีคนนั่งทำงานกันเต็ม น้องตนที่เข้าไปก็ดูเขาเทรดฯ กัน

ทั้งนี้ นายพิทักษ์พงษ์และภรรยาร่วมกันยืนยันว่าไม่ได้เขาไปกระทำการปล้นหรือกรรโชกทรัพย์แต่อย่างใด และที่เข้าไปทั้ง 7 คนโดนแจ้งความนั้น ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นพนักงานทำงานอยู่ในนั้น แต่ออกมาอยู่กับตนได้ประมาณ 1 เดือน น้องๆ เขาอยากไปเยี่ยมออฟฟิศเก่ากันเท่านั้นเอง จะเข้าไปสอบถามให้กับลูกค้าเรา สถานที่ตรงที่เข้าไปก็เป็นพื้นที่เปิด มีการขายกาแฟ ใครก็เข้าไปได้ และเราเข้าไปไม่ได้มีเจตนาหรือกระทำในลักษณะที่เขากล่าวหาเลย ทางเขามีเจตนาไม่ดี เพราะไประดมทุนระดมเงินจากลูกค้าจำนวน 42 รายซึ่งผิดกฎหมาย ตนมาทราบภายหลังจึงเขาไปสอบถามและทวงถามให้ลูกค้าเหล่านั้นแทน แต่กลับโดนแจ้งความว่าเขาไปปล้นและกรรโชกทรัพย์โดยการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตนเคยทำก่อนออกมาประกอบธุรกิจ เมื่อเขาแจ้งความดำเนินคดีเราก็มารับทราบข้อหาและประกันตัวออกไปสู้คดีกันตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.สุรพงษ์ ถนอมจิตร รอง ผบก.นนทบุรี รอง ผบก. ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปลักกมะกุล ผบก.ภ.จว.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาสืบสวนสอบสวนคดีนี้ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ทั้งนี้คู่กรณีสองฝ่ายรู้จักกันมาก่อน และมีทั้งพยานเอกสารและวัตถุพยาน พยานบุคคลที่ต้องสอบปากคำและตรวจสอบอีกจำนวนมาก วันนี้ทางผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ทั้งสองฝ่ายจะต้องเข้าสู่กระบวนการว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น