MGR Online - “ศานิตย์” นำมือยิงเพื่อนบ้าน 3 ศพ ย่านบางชัน นั่งโต๊ะแถลง หลังติดต่อขอมอบตัวรู้สึกสำนึกผิด รับยิงเพราะบันดาลโทสะ เหตุทะเลาะเรื่องที่จอดรถที่มีปัญหากันมานานกว่า 2 ปี อยากกราบขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ก่อนคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หวิดโดนไทยมุง-ญาติรุมประชาทัณฑ์
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (ศปก.บก.น.4) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.สุวิชชา จินดาคำ ผกก.สน.บางชัน พ.ต.อ.อิสระ ณ พัทลุง พงส.ผทค. พ.ต.ท.อภิชาติ อุตรมาตย์ รอง ผกก.สส. แถลงการเข้ามอบตัวของนายทศพร พิทักษ์วัฒนานนท์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 339 ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 46/2559 ลงวันที่ 19 ม.ค. 2559 คดียิงนางศิริลักษณ์ หรือเจ๊หมวย แซ่ฮ้อ อายุ 46 ปี, นายมูเลาะห์ หรือบังดำ บินอุหมัด อายุ 48 ปี และนายพาด ชาวกัมพูชา เพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บ บริเวณร้านริดบาร์เบอร์ เลขที่ 40 ซ.สวนสยาม 15 ถ.สวนสยาม แขวงและเขตคันนายาว กทม. ก่อนเสียชีวิตที่ รพ.เสรีรักษ์ทั้ง 3 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 19 มกราคม นายทศพร พิทักษ์วัฒนานนท์ อายุ 34 ปี ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทางตำรวจนครบาล 4 โดย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับตัว สาเหตุที่ก่อเหตุในครั้งนี้ผู้ต้องหาให้การในเบื้องต้นว่ามีเรื่องบาดหมางกับผู้ตายมาโดยตลอด มีบ้านอยู่ใกล้กันเรื่องการจอดรถขวางทาง และมีการเฉี่ยวชนกันบ่อยครั้งและไปเจรจาหลายครั้งก็ไม่ได้ผล ในวันเกิดเหตุก็มีสถานการณ์เดียวกันจนเกิดบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนที่ซื้อมาอย่างถูกต้องยิงทีละคน
ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตทั้งสามคนจริง โดยพฤติการณ์เมื่อวันที่ 18 ม.ค. เวลา 18.50 น. ผู้ต้องหาและภรรยาซึ่งพักอยู่ใกล้กับผู้เสียชีวิตได้ทะเลาะโต้เถียงกับ น.ส.สิริลักษณ์ แซ่ฮ้อ และลูกน้องของ น.ส.สิริลักษณ์ บริเวณหน้าร้านโชคชัยพาณิชย์ ถนนสวนสยาม ผู้ต้องหาเข้าใจว่าลูกน้องของ น.ส.สิริลักษณ์เปิดประตูชนรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของผู้ต้องหาที่จอดบริเวณหน้าบ้านของผู้ต้องหา เป็นเหตุทำให้ผู้ต้องหาโกรธใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ที่พกมายิง น.ส.สิริลักษณ์ แซ่ฮ้อ และได้ยิงนายพาด สัญชาติกัมพูชา และได้เดินเข้าไปด้านหน้าร้านตัดผมชื่อริดบาเบอร์ซึ่งอยู่ติดกับร้านโชคชัยพาณิชย์ ก่อนใช้อาวุธปืนยิงนายมูเลาะห์ บินอุหมัด ช่างตัดผม และได้เดินกลับมาจ่อยิง น.ส.สิริลักษณ์ อีก 1 นัด เป็นเหตุทำให้ทั้งสามคนเสียชีวิต หลังเกิดเหตุนายทศพรพร้อมภรรยาได้ขับรถหลบหนี ต่อมาได้ติดต่อขอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยรับสารภาพว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตทั้งสามจริง
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อมา ส่วนจะดำเนินคดีต่อภรรยาผู้ต้องหาหรือไม่นั้นต้องสอบสวนให้ชัดเจนก่อน ส่วนการประกันตัวนั้น ส่วนตัวเห็นว่ามามอบตัวและท่าทีไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร แต่ทั้งหมดต้องพิจารณาอีกครั้งยังตอบไม่ได้ สำหรับมือปืนจบการศึกษาคณะเภสัชกรจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งมา ต่อมาก็ได้รับมรดกเป็นที่ดินอาคารมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท เรื่องนี้หากทุกคนมีการยับยั้งช่างใจเหตุร้ายก็คงไม่เกิด
ด้านนายทศพรกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนระงับอารมณ์ไม่ได้ รู้สึกผิดเสียใจมากเนื่องจากเกิดอารมณ์ชั่ววูบ หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำ ในวันนั้นเกิดบันดาลโทสะ เพราะก่อนหน้านี้ตลอดเวลา 2 ปี เคยมีเรื่องทะเลาะเกี่ยวกับการจอดรถ ครั้งนี้ก็มีการทะเลาะเรื่องที่จอดรถอีก จึงพาแฟนออกไปตกลงกับเจ๊ แต่เจ๊ใช้ถ้อยคำรุนแรง ก่อนที่แฟนจะบอกว่าให้กลับเข้าบ้าน ตนกำลังจะกลับมาแต่ทางเจ๊ใช้ขวดเอ็มร้อยขว้างใส่แฟนเลยระงับอารมณ์ไม่อยู่ จากนั้นจึงใช้อาวุธปืนที่นำติดตัวมายิงไปที่ขาเจ๊เพื่อต้องการที่จะสั่งสอนแต่ไม่ได้ต้องการยิงให้ตาย ตอนนั้นหลังจากกระสุนนัดแรกก็ควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว แต่ที่ยิงทุกคนยิงตนไม่ใช่ต้องการยิงให้ตาย อยากจะขอโทษกับญาติคนตาย ก่อนที่นายทศพรจะยกมือขึ้นไหว้เป็นการขอโทษ
ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น.ได้นำตัวผู้ต้องหาใส่ชุดเกราะอ่อนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยบรรยากาศมีญาติและไทยมุงจำนวนหนึ่งมายืนดูการทำแผนฯ ซึ่งใช้ทั้งตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 30 นายคอยป้องกันเหตุ ใช้เวลาทำแผนจุดแรกคุมตัวไปชี้จุดจอดรถหน้าร้านที่เป็นชนวนเหตุว่ามีการเฉี่ยวท้ายรถเป็นรอย และชี้จุดยิงโดยแสดงท่ายิงหน้าร้านของชำ และท่ายิงไปในร้านตัดผม การทำแผนฯ ต้องเร่งรีบใช้เวลาประมาณ 10 นาที เพราะญาติที่รู้ข่าวและได้เดินทางมาดูหน้าผู้ก่อเหตุเริ่มมีท่าทีไม่พอใจ ขณะที่จะนำคนร้ายกลับขึ้นรถคุมตัวกลับ สน.บางชัน ญาติผู้เสียชีวิตก็ปรี่เข้าจะชกคนร้ายจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบกันตัวออก
ด้านนางลองสีเปา อายุ 48 ปี มารดาของนายพาดกล่าวว่า ดีใจที่ตำรวจทำงานเร็วขนาดนี้จะได้เคาะโลงบอกกับผู้เสียชีวิต ถึงเแม้เราจะเป็นแค่แรงงานต่างด้าวทำงานวันละ 300 บาท เขาก็นำเงินมาให้แม่ตลอด ในช่วงเกิดเหตุลูกชายร้องขอชีวิต แต่เขาก็ไม่ยอมเพราะคิดว่าจะอารมณ์เย็นลง แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น ตนก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกับเจ๊หมวยมาก่อน รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก
ขณะที่นายสมัด กล่อมเย็น เพื่อนของบังดำ เปิดเผยว่า เสียใจ ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่ยอมแจ้งทางญาติให้รู้ เพราะกลัวว่าผู้ต้องหาจะตายหรือ ทันทีที่ทราบข่าวก็รีบมาดูหน้าของผู้ต้องหา เขายิงเพื่อนตน ถามชาวบ้านแถวนี้ดูก็ได้ว่าบังดำนิสัยเป็นอย่างไร เขาเป็นคนดี แค่อยากจะมาถามทำไมต้องยิงเขา คนไม่ดีตั้งเยอะแยะ ตอนนี้ลูกเมียเขาเดือดร้อนแล้วใครจะดูแล
เช่นเดียวกันกับนายนำอนันต์ เลิศพิสุทธิ์พงศ์ อายุ 50 ปี พี่ชายของเจ๊หมวย ที่ได้ตัดพ้อการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าทำไมถึงไม่ยอมแจ้งให้ทางญาติรับทราบว่าตอนนี้ญาติไปรับศพกัน พอตนรู้ก็รีบจะมาดูหน้าของผู้ก่อเหตุ แค่การจอดรถทำไมถึงต้องยิงน้องตน รถที่จอดก็ไม่ได้จอดขวางอะไร