xs
xsm
sm
md
lg

ผกก.หลักสองรับ ตร.ปาไฟฉายใส่สาวหัวแตกจริง เผยซ้อนสามไม่สวมหมวก แถมแหกด่าน ช่วยค่ารักษา 2 พัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ผกก.สน.หลักสอง ยอมรับลูกน้องปาไฟฉายใส่สาวหัวแตกจริง เผยผู้เสียหายซ้อน จยย.สามีและมีบุตรตัวเล็กนั่งกลาง ไม่มีใครสวมหมวก แถมซิ่งแหกด่าน เจ้าหน้าที่บันดาลโทสะจึงปาไฟฉายใส่ เผยตักเตือนไปแล้ว ด้านเจ้าทุกข์โพสต์เฟซบุ๊กตำรวจคนก่อเหตุช่วยค่ารักษา 2 พัน เห็นใจไม่อยากอะไรมาก ก่อนจะปิดบัญชีเฟซบุ๊กไป

วันนี้ (27 เม.ย.) จากกรณีโซเชียลเน็ตเวิร์กผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า “ปั่นจังปั่นจัง เจ๊ใหญ่ร้ายใช่เล่น” โพสต์ข้อความด่าทอการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจร สน.หลักสอง หลังตัวเองถูกไฟฉายขว้างใส่ขณะซ้อนจักรยานยนต์ผ่านด่านตรวจจนหัวแตก เหตุเกิดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางแค ถนนเพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตภาษีเจริญ กทม. เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 25 เมษายน ต่อเนื่องเช้ามืดวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา

โดยเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวโพสต์ว่า เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.หลักสอง เมื่อเวลา 01.38 น. วันที่ 26 เมษายน หลังมีการโพสต์โชว์ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง จำนวน 4,704 บาท เป็นค่าเย็บบาดแผลที่ศีรษะจำนวน 3 เข็ม ทั้งนี้ เจ้าของเฟซบุ๊กยังถ่ายภาพตัวเองขณะมีเลือดไหลอาบบริเวณศีรษะไหลลงมาเปื้อนลำคอ พร้อมใช้ข้อความหยาบคายระบุในโพสต์ที่ตัวเองนำขึ้นประจานการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

เมื่อวันที่ 27 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สน.หลักสอง เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วทราบว่ามีเรื่องเกิดขึ้นจริง โดยวันและเวลาที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายจราจร สน.หลักสอง ได้สนธิกำลังกับชุดเฉพาะกิจ บก.น.9 ทำการตั้งด่านสกัดกั้นอาชญากรรมและยาเสพติดตรวจค้นเป้าหมายรถต้องสงสัยตามปกติ ซึ่งที่ผ่านมาด่านแห่งนี้สามารถจับกุมทั้งยาเสพติดและอาวุธได้บ่อยครั้ง

ระหว่างนั้นผู้เสียหายทราบชื่อ คือ น.ส.หญิง (ขอสงวนนามสกุล) อายุราว 25 ปี อาชีพพนักงานโชว์รูมรถฮอนด้าย่านบางแค ได้ซ้อนจักรยานยนต์สามีผ่านมา โดยมีบุตรตัวเล็กๆ นั่งอยู่ตรงกลาง ในลักษณะซ้อนสาม ไม่มีใครสวมใส่หมวกนิรภัย เมื่อเจ้าหน้าที่โบกให้หยุดเพื่อขอทำการตรวจค้น และบังคับใช้กฎหมาย ปรากฏว่าผู้เป็นสามีกลับเร่งเครื่องแหกด่าน ทางตำรวจจึงใช้ไฟฉายปาใส่ไปจริง ทำให้ น.ส.หญิง ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ภายหลังตนได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุย พร้อมว่ากล่าวตักเตือนเจ้าหน้าที่ที่บันดาลโทสะปาไฟฉายใส่ อีกทั้งช่วยค่ารักษาพยาบาลไปแล้ว น.ส.หญิงก็มีท่าทีใจเย็นลง โดยให้เหตุผลยอมรับกับตนว่าฝ่ายตัวเองก็มีความผิดเช่นกัน น.ส.หญิงเล่าว่า ก่อนที่ตัวเองกับสามีจะขับขี่จักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันแบบอัดสามมุ่งหน้ากลับที่พักนั้นได้มีปากเสียงทะเลาะกันมารุนแรง เมื่อเจอด่านเจ้าหน้าที่ได้เรียกให้หยุดรถ แต่สามีซึ่งยังอยู่ในอารมณ์โกรธก็เร่งเครื่องฝ่าไปไม่ยอมหยุดทำให้รถชนกรวยยางจนกรวยยางที่วางเอาไว้ล้ม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ไฟฉายขว้างใส่เพื่อหยุดยั้ง เมื่อตัวเองหัวแตกจึงใช้โซเชียลฯ ระบายความโกรธ และเจ้าตัวก็ไม่น่าจะติดใจเอาความผู้ปฏิบัติซึ่งตนจะเรียกมาพูดคุยอีกครั้งเพื่อสรุปเรื่องดังกล่าวต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เรื่องนี้เป็นประเด็นในโลกโซเชียลฯ ทางนักข่าวหลายสังกัดได้พยายามติดต่อ น.ส.หญิง ไปทางอินบ็อกซ์ข้อความทางเฟซบุ๊กเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากฝ่าย น.ส.หญิง บ้าง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมอ่าน และไม่ตอบกลับมาแต่ประการใด เบื้องต้นพบข้อความที่โพสต์ขึ้นมาใหม่ในภายหลังเมื่อประมาณ 3 ชั่วโมงที่แล้ว ระบุว่า “ผกก.สน.หลักสอง เรียนเชิญไปสอบถามเรื่องราว...ตำรวจที่ปาไฟฉายช่วยเงินค่ารักษามา 2,000 บาท เนื่องจากเขาไม่ค่อยมีเงิน...ส่วนตัวเราก็เห็นใจตำรวจไม่อยากอะไรมาก...เพราะกระแสตอบรับแชร์จากเฟซบุ๊กรุนแรงมาก...ขอบคุณทุกๆ กำลังใจ..ไม่ว่าจะคอมเมนต์...คำถาม...คำแนะนำ...ฯลฯ”

กระทั่งล่าสุดพบว่าบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ปั่นจังปั่นจัง เจ๊ใหญ่ร้ายใช่เล่น” ได้ปิดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น