MGR Online - “ศานิตย์” สั่งสอบขอเท็จจริงกรณี ร.ต.ท.ซิ่งบิ๊กไบคขึ้นสะพานภูมิพลจนเกิดอุบัติเหตุแฟนสาวเสียชีวิต ระบุเป็น จนท.ต้องรู้ข้อบังคับ ยันหลักฐานชัดผิดทั้งอาญา-วินัย ส่วนกลุ่มผู้ขับขี่ จยย.ร้องศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งห้ามขึ้นสะพาน-ลอดอุโมงค์ เป็นสิทธิ พร้อมฟังทุกข้อเสนอ
วันนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวถึงกรณีมีตำรวจยศร้อยตำรวจโท (ร.ต.ท.) ฝ่าฝืนขับรถบิ๊กไบค์ขึ้นสะพานภูมิพล 1 พื้นที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนแฟนสาวของตำรวจคนดังกล่าวเสียชีวิตว่า คดีนี้จะแบ่งความรับผิดชอบแยกเป็นสองส่วน ในส่วนของทางอาญานั้นพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง เป็นผู้รับผิดชอบ ในเบื้องต้นจะเป็นความผิดฐานขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี อีกส่วนเป็นความผิดทางวินัย ซึ่งมีประกาศจากวิศวกรรมจราจร เจ้าพนักงานจราจร กรมทางการพิเศษ และกรมทางหลวง ว่าสะพานดังกล่าวไม่ควรให้รถจักรยานยนต์ขึ้น เพราะอาจเกิดอันตรายได้ เป็นเจ้าหน้าที่ควรต้องรู้ แต่ยังฝ่าฝืน ก็จะต้องสืบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยวันนี้คาดว่า ร.ต.ท.จะออกจากโรงพยาบาล จะต้องให้เข้ามารายงานชี้แจง การสอบสวนวินัยคาดว่าจะเริ่มต้นได้ภายในวันนี้เพราะจากพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ถ้าถูกดำเนินคดีจะต้องเข้ารายงานตัวภายในสามวัน
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า กรณีที่มีกลุ่มผู้ขับขี่รถบิ๊กไบค์รวมตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งห้ามไม่ให้จักรยานยนต์ขึ้นสะพานและลอดอุโมงค์ข้ามแยก รวม 45 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิของบุคคล พร้อมรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย เพื่อพิจารณาว่าจุดไหนที่ควรจะปรับปรุงแก้ไขหรือเห็นควรยกเลิกคำสั่ง แต่ยืนยันว่าการออกคำสั่งดังกล่าวมีการศึกษามาแล้วเป็นอย่างดีแล้ว ทั้งจากวิศกรรมด้านการจราจร ข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงผลการปฏิบัติงานของตำรวจในแต่ละพื้นที่ ซึ่งผลจากคำสั่งดังกล่าวที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานอุบัติเหตุเพิ่มเติมแต่อย่างใด อยากจะสำรวจความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนจากกรณีนี้ อย่างล่าสุดปฏิเสธไม่ได้ว่าการขับรถขึ้นสะพานที่ห้ามนั้นก่อให้เกิดอุบัติเหตุมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยยอมรับได้ก็พร้อมรับฟัง แต่อยากให้คุยกันด้วยเหตุผลมากกว่าเพราะเมื่อเกิดเหตุจักรยานยนต์มักได้รับความเสียหายมากกว่ารถยนต์อยู่แล้ว
