MGR Online - ผู้บังคับการ ผบก.จร. เซ็นให้ออกราชการไว้ก่อน 4 ตำรวจจราจรกลาง หลังตั้งกรรมการสอบพบพฤติการณ์การส่งเงินค่าปรับไม่เป็นตามระเบียบ สมุดใบสั่งหายไปกว่า 30 เล่ม ส่อทุจริต
วันนี้ (20 เม.ย.) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายน พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.จร. ลงนามคำสั่ง กองบังคับการตำรวจจราจร เรื่องให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน
ประกอบด้วย 1. พ.ต.ท.พัทธนนท์ เกียรติไพบูลย์ สารวัตรงานสายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร 2. ด.ต.นิธิศ ผกาแก้ว ผู้บังคับหมู่งาน สายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร 3. ด.ต.สุวรรณ์ ทองชมพู ผู้บังคับหมู่งาน สายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร 4. ด.ต.ลภัส ขำพร้อม ผู้บังคับสายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร เนื่องจากกระทำรายผิดวินัยร้ายแรงจนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามคำสั่ง กองบังคับการตำรวจจราจรที่ 206/2559 ลงวันที่ 18 เมษายน 2559
ในเรื่องใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริต และประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ราชการ โดยการเบียดบัง หรือเอาไปซึ่งที่ได้จากการชำระค่าเปรียบเทียบปรับ เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นอันเป็นความผิด ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นไปตามกฎหมายกฎระเบียบทางราชการ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่บุคคลได้ กระทำการอันได้ ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติ ชั่วอย่างร้ายแรงและกระทำ การใดใด อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง
จึงให้พักราชการตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการ และการให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. 2547 ข้อ 3 (1) และ (2) ชื่อผู้ถูกกล่าวหาจุดตั้ง คณะกรรมการสอบสวนในเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ หรือเกี่ยวกับความประพฤติ พฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ ให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการ หากเกิดการเสียหายแก่ราชการ และอาจจะเป็นอุปสรรค ตอบการสอบสวนพิจารณา หรือจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาคดีที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ประกอบกับกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการ และการให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ. 2547 ข้อ 8 จึงให้ พ.ต.ท.พัทธนนท์ เกียรติไพบูลย์ ด.ต.นิธิศ ผกาแก้ว ด.ต.สุวรรณ์ ทองชมพู และ ด.ต.ลภัส ขำพร้อม ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2559 เป็นต้นไป
ด้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. เปิดเผยว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตำรวจทั้ง 4 นายแล้ว โดยมี พ.ต.อ.ชินวร โบราณินทร์ ผกก.6 บก.จร. เป็นประธานกรรมการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นตรวจพบว่ามีพฤติการณ์การส่งเงินค่าปรับไม่เป็นไปตามระเบียบ มีพยานหลักฐานว่าอาจมีการทุจริต โดยทราบและดำเนินเรื่องมาตั้งแต่เมื่อช่วง ก.ย. 2558 และได้รวบรวมหลักฐานและสอบสวน เมื่อหลักฐานเพียงพอมาจึงได้ออกคำสั่งให้พักและออกจากราชการ ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง ทั้งนี้ พบว่า มีสมุดเขียนค่าปรับหายไปกว่า 30 เล่ม รวมมูลค่าความเสียหายประมาณหลายแสนบาท แต่ขณะนี้ยังมีหลักฐานไม่ครบจึงไม่สามารถระบุยอดความเสียหายที่แน่ชัดได้ นอกจากนี้ ถ้ามีความผิดทางอาญาก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายมีโทษจำคุกและเรียกเงินที่เสียหายคืน
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า พล.ต.ต.มงคล ได้รายงานให้ทราบว่า เป็นเรื่องที่ทางตรวจสอบภายใน (ตส.) ตรวจพบว่ามีการกระทำความผิดในเรื่องวินัย เลยมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ผลการสืบสวนมีมีมูลความผิด พล.ต.ต.มงคล จึงตั้งคณะกรรมการพิจารณาวินัยร้ายแรง และระหว่างที่ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย จึงสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะประมาณ 1 - 2 ปีที่ผ่านมา