MGR Online - “วอตช์ด็อก” พร้อมพยานในเหตุการณ์ แฉ “พ.ต.ต.” ยิงเจ้าตูบลาดยาว เผยคนละเรื่องที่ออกแถลงต่อสังคม ยันไม่มีภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ เอาขวดเบียร์ปาจนขวดหมด แถมซื้อไส้กรอกมาล่อหวังฆ่าเพิ่ม ก่อนชาวบ้านเข้ามาร้องขอหยุดยิง
วันนี้ (13 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ สน.พหลโยธิน น.ส.พิม ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา อายุ 52 ปี พร้อม นายกุศล สุขอารีย์ อายุ 31 ปี อาสามูลนิธิวอตช์ด็อก (Watchdog Thailand) พร้อมพยานที่เห็นเหตุการณ์ ขณะที่ พ.ต.ต.วัสวัตติ์ ยิงสุนัข เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อัครวัฒน์ สินขจรภิรมย์ สว.(สอบสวน) สน.พหลโยธิน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีดังกล่าว
น.ส.พิมกล่าวว่า วันนี้ตนพาพยานที่เห็นเหตุการณ์ 3 คนมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน โดยเบื้องต้นได้รับทราบว่าไม่เป็นจริงตามที่ พ.ต.ต.วัสวัตติ์ แถลงข่าวแต่อย่างไร ทุกอย่างเป็นการโกหก เป็นหนังคนละม้วน ไม่มีสุนัข 20 ตัวรุมล้อม ไม่มีการมาล้อมผู้หญิงที่ท้องจริงๆ ไม่มีผู้หญิงในที่เกิดเหตุด้วยซ้ำ เพราะเหตุการณ์จริงๆ คือ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.00 น. พ.ต.ต.วสวัตติ์ขับรถมาจอดตรงลานจอดรถของแฟลตที่ประจำ เมื่อลงจากรถก็มีสุนัขมาเห่าเป็นปกติ พยานเห็น พ.ต.ต.วสวัตติ์เดินไปหาขวดเบียร์แล้วนำมาปาใส่สุนัขเหล่านั้นจนขวดหมด ก็เดินไปยังร้านขายของชำไม่ไกลกัน ก่อนจะขอซื้อเบียร์ แต่คุณป้าคนขายเห็นการกระทำของ พ.ต.ต.วสวัตติ์ว่าจะนำไปขว้างใส่สุนัขอีกจึงไม่ขายให้ พ.ต.ต.วัสวัตติ์ จึงเดินกลับไปที่รถพร้อมหยิบปืนออกมายิงสุนัขจนตายและบาดเจ็บ โดยระยะเวลาทั้งหมดไม่เกิน 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นพยานก็เห็นว่า พ.ต.ต.วัสวัตติ์ก็ไปยัง 7-11 เพื่อซื้ออาหารที่มีลักษณะคล้ายไส้กรอก จากนั้นก็นำมาโยนให้สุนัขที่แตกตื่นจากเสียงปืน โดยสุนัขก็วิ่งย้อนกลับมาเพื่อจะกินไส้กรอก ขณะที่ พ.ต.ต.วสวัตติ์ก็ถือปืนเตรียมจะยิงสุนัขต่อ จนมีคนทนไม่ไหวรีบวิ่งไปยกมือไหว้ขอไม่ให้ยิงสุนัขอีก
น.ส.พิมกล่าวอีกว่า ตนแค่อยากนำความจริงมาให้ประชาชนทราบว่าเรื่องทุกอย่างที่ทาง พ.ต.ต.วสวัตติ์แถลงข่าวไปเป็นเรื่องโกหก ตนจึงขอแจ้งความเพิ่มในข้อหา “เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อหน้าสาธารณชน” ต่อ พ.ต.ต.วสวัตติ์ และพวกตนแค่อยากจะขอว่าหากไม่รักก็แค่อย่าทำร้าย อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้นำหลักฐานอะไรมามอบเพิ่ม เนื่องจากเมื่อวานได้ประสานตำรวจไปนำภาพกล้องวงจรปิดของ 7-11 ขณะที่ พ.ต.ต.วสวัตติ์ซื้อไส้กรอกในวันเกิดเหตุแล้ว ส่วนกล้องวงจรปิดที่แฟลตนั้นทราบว่าเสียทุกตัวจึงไม่สามารถบันทึกภาพขณะก่อเหตุยิงสุนัขได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า ทางวอตช์ด็อกไทยแลนด์จะมีมาตรการอย่างไรในการจัดการกับสุนัขจรจัด นายกุศลกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากสุนัข ปัญหาอยู่ที่คนเลี้ยงที่ปล่อยปละละเลยให้เป็นสุนัขเร่ร่อน ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ควรมีบทลงโทษที่ชัดเจนกับผู้ที่กระทำการดังกล่าว และควรจำกัด หรือจัดพื้นที่ให้กับสุนัขด้วย สุนัขโดยทั่วไปใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อเกิดเหตุดังกล่าวสุนัขไม่สามารถพูดได้ คนก็ออกมาชี้แจงบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งนี้ อยากถามกลับไปยังสังคม หน่วยงานภาครัฐ ว่าพวกท่านเคยลงมาช่วยสัตว์หรือไม่ เราไม่ใช่ตัวปัญหา แต่เราเป็นลงมาเพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ถูกรังแก
นายกุศลกล่าวอีกว่า ตนได้มีโอกาสเข้าไปดูที่เกิดเหตุพบว่ามีสุนัขที่ดุร้ายจริง แต่มีเพียงแค่ 1-2 ตัวซึ่งเป็นจ่าฝูง อย่างไรก็ตาม เมื่อพบสุนัขเร่ร่อนก็ควรแจ้งต่อเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่กระทำรุนแรงเหนือกฎหมาย ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้รักษากฎหมาย จากการสอบถามทราบว่าสุนัขส่วนใหญ่มีผู้ดูแลมีการทำหมันแล้ว แต่ก็มีคนเอามาทิ้งอยู่บ่อยครั้งจึงทำให้มีสุนัขเร่ร่อนเพิ่มขึ้น
ด้าน พ.ต.ท.อัครวัฒน์กล่าวว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนที่ทางผู้แจ้งความจะแจ้งข้อหาเพิ่มว่าเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อหน้าสาธารณชนนั้น ตนยังไม่ทราบเรื่อง และข้อมูลที่พยานมาให้ปากคำนั้น ตนก็ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ จึงไม่สามารถสรุปได้ ขอรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำใฟ้ครบถ้วนก่อน