MGR Online - สตม.-บชก.กำชับด่วนให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเฝ้าระวังสนามบินนานาชาติทุกแห่ง เพิ่มความปลอดภัยระดับ 3 หลังเกิดเหตุบึ้มสนามบินเบลเยียม ย้ำไทยไม่ใช่เป้าหมายก่อเหตุ ประสานสถานทูตเบลเยียม-อินเตอร์โพลขอรายละเอียดผู้ต้องสงสัย
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิด 2 จุด ใกล้กับเคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส ภายในบริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกของท่าอากาศยานนานาชาติซาวาเทม ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ว่าทันทีที่เกิดเหตุทาง สตม.ได้มีวิทยุด่วนกำชับการปฏิบัติงานทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามบินนานาชาติในเรื่องเพิ่มความเข้มในการตรวจบุคคลที่เดินทางเข้าออกซึ่งมีการตรวจตัวบุคคล เอกสาร ทำบันทึกข้อมูล รวมทั้งการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมที่มีพิรุธจากบุคคลที่มาจากประเทศเป้าหมาย รวมทั้งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบทำการตรวจบริเวณภายในสนามบินนานาชาติทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, หาดใหญ่, เชียงใหม่ และเชียงราย
พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวอีกว่า ในวันนี้ เวลา 13.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตเบลเยียมจะเข้าพบและมีการนำรายละเอียดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มามอบให้ สตม. รวมทั้งรายละเอียดผู้ต้องสงสัยซึ่งทางเราจะนำมาตรวจสอบข้อมูลการและประวัติการเดินทางเข้าออก ว่าเคยเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่ และจะนำรายชื่อนั้นบรรจุเข้าในฐานข้อมูลบุคคลต้องห้าม หรือบุคคลเฝ้าดูของ สตม.ต่อไป โดยยืนยันว่าการเข้าพบดังกล่าวเป็นการประสานความร่วมมือกันของทั้งสองประเทศตามปกติ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเป้าหมายของการก่อเหตุ ทั้งนี้ ในเรื่องคำสั่งห้ามต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาในราชอาณาจักร โดยทาง สตม.ได้เริ่มดำเนินการในเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 เป็นต้นมา เรื่องการระดมกวาดล้างชาวต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่เกินกำหนด (Overstay)
พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า ในเดือน ต.ค.จะเห็นได้ว่าชาวต่างชาติอยู่เกินกำหนด 810,500 คน หลังจากที่มีมาตราการเชิงรุกและการปกครองก็ได้มีการระดมกวาดล้างกันทุกเดือน ทำให้ชาวต่างชาติที่อยู่โดยผิดกฎหมายเป็นเวลานานให้มารายงานตัวและเดือนทางออก ทำให้ยอดชาวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนดจริงๆเหลือแค่ 486,947 คน ลดลงไปถึง 323,575 คน ณ วันที่ 19 มี.ค. 2559 ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการในส่วนนี้คิดว่ายอดชาวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนดในขณะนี้จะมำนวนมากกว่า 1 ล้านคนแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประสานข้อมูลอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศ เบื้องต้นยังไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกับเหตุการณ์นี้ โดยคนไทยที่อาศัยอยู่ที่ประเทศเบลเยียมมีจำนวน 4,000 คน ในจำนวนนี้ 1,000 คนอาศัยในกรุงบรัสเซลส์ กรณีเช่นนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้หน่วยงานการข่าว สันติบาล ให้บูรณาการการข่าวกับหน่วยข่าวของไทยและต่างประเทศ เพื่อเสริมการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ยังได้เน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก ให้จัดทำข้อมูลท้องถิ่นเพื่อเป็นประโยชน์ในการประสานงาน
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.กล่าวถึงเหตุก่อการร้ายว่าเบื้องต้นได้สั่งการให้กองปราบปราม และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ผสานกำลังร่วมกันในด้านการหาข่าวและการดูแลนักท่องเที่ยว เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป.กล่าวว่า กองปราบปรามเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลโดยจัดตั้งเป็นศูนย์ข้อมูลคดีอาชญากรรมข้ามชาติ รวบรวมข้อมูลคดีต่างๆ โดยข้อมูลต่างๆ จะได้รับจาก บก.ต่างๆ ในสังกัด บช.ก.จากตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล รวมทั้งสถานทูตต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ โดยคลังข้อมูลมีการรวบรวมและจำแนกแผนประทุษกรรมของคนร้ายไว้ 18 ประเภท รวมทั้งได้รวบรวมความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายสากล ทั้งนี้กรณีดังกล่าวก็มีการเฝ้าระวังและประสานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าในเรื่องของการดูแลนักท่องเที่ยวนั้นทางกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวและทางท่าอากาศยานได้ใช้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับ 3 โดยเน้นการตรวจตราสัมภาระนักท่องเที่ยว รวมถึงเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพิ่มความถี่ในการตรวจตราโดยรอบท่าอากาศยาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้โดยสาร ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ใช่คู่ขัดแย้งหรือเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้าย แต่ทางการไทยจะเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อไปพัฒนามาตรการเฝ้าระวังระดับการรักษาความปลอดภัย โดยเน้นการปรับระดับรักษาความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่น่าเป็นห่วง ทุกหน่วยงานมีความพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ขอให้นักท่องเที่ยวสบายใจและเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัยของประเทศไทย