MGR Online - ผบช.ภ.1 พร้อม หน.ชุดดีเบนซ์ซิ่งชน นศ. เผยเชิญญาติทั้งสองฝ่ายมาเพื่อมั่นใจกระบวนยุติธรรม หลังเปลี่ยน พนง.สอบสวนชุดใหม่ ขณะนี้กำลังเร่งรวบรวมหลักฐาน ตอนนี้ “เจนภพ” รับเพียงข้อหาขับรถโดยประมาท ส่วนข้อหาขับรถขณะมึนเมา-ขัดขวางการปฏิบัตงาน จนท. ยังปฏิเสธ ด้านญาติเผยกรณีสังคมออนไลน์บอกมีการจ่ายเงินให้ผู้เสียหาย 15 ล้านบาทไม่เป็นความจริง
วันนี้ (21 มี.ค.) เวลา 13.15 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และพ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุปผา หัวหน้าคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีอุบัติเหตุที่มีนายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี ผู้ก่อเหตุขับขี่รถเมอร์เซเดส เบนซ์ ป้ายทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถยนต์ของสองนักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก่อนถูกไฟคลอกเสียชีวิตบนถนนพหลโยธิน กิโลเมตรที่ 53 บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอินเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าว
โดย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญญาติและทีมทนายความของผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายมาพูดทำความเข้าใจเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินคดีและเกิดความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย แต่ไม่มีญาติและทีมทนายความของฝั่งผู้ต้องหามาร่วมด้วย ซึ่งหลังจากที่มีการเปลื่ยนชุดพนักงานสอบสวนทั้งหมด โดยในส่วนของคดีขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เช่น พยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสาร และหลักฐานจากนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดความรัดกุม ซึ่งต้องมีผู้เชี่ยวชาญในทุกฝ่ายร่วมด้วย
ส่วนผลตรวจเลือดของนายเจนภพเพื่อพิสูจน์หาปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดนั้นขณะนี้ยังไม่ทราบ ต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากโรงพยาบาลสมิติเวชส่งมายังเจ้าหน้าที่เสียก่อน ขณะที่นายเจนภพได้ยอมรับข้อกล่าวหาขับรถโดนประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่วนอีก 2 ข้อกล่าวหาในฐานขับรถขณะหย่อนความสามารถ หรือขับรถขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ที่เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งเพิ่มเติมนั้น นายเจนภพยังคงให้การปฏิเสธ
ด้านญาติของผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายที่เดินทางมาในวันนี้ โดยหลังจากมีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ต่างรู้สึกสบายใจขึ้นและมีความมั่นใจในคณะทำงานสอบสวนชุดใหม่ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวในสังคมออนไลน์ระบุว่าทางผู้ต้องหาจะชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 15 ล้านบาทต่อครอบครัวผู้เสียหายทั้งสองรายนั้น ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อประสานมาแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม