MGR Online - “บิ๊กจูดี้” เผยกำหนดตำแหน่ง พงส.เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งอนุฯ ก.ตร.บุคคลพิจารณา ย้ำยังคงได้สิทธิประโยชน์เหมือนเดิม ก่อนชง ผบ.ตร.แต่งตั้งให้เสร็จสิ้นก่อนวาระประจำ 2558
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะทำงานเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนให้สอดคล้องกับโครงสร้างและระบบการบังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้บัญชาการสำนักงานข้าราชการตำรวจ (ผบช.สง.ก.ตร.) แถลงผลการประชุมของคณะทำงานฯ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายว่า ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาได้มอบหมายให้คณะทำงานย่อยไปดูปริมาณคดีในจังหวัดที่มีการตัดโอนพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญไปดำรงตำแหน่งรอง ผบก.สอบสวน ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพื่อรองรับการตัดโอนตำแหน่งพนักงานสอบสวนระดับต่างๆ จนได้ข้อสรุป ดังนี้
ตำแหน่งพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เทียบเท่าระดับ ผบก.14 ตำแหน่ง ยังคงให้ตัดโอนเป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.ตามเดิม แต่ในตำแหน่งพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ เทียบเท่าระดับรอง ผบก. เดิมทีมีการตัดโอนให้เป็นรอง ผบก.สอบสวนใน 34 จังหวัด แต่หลังจากที่ได้มีการทบทวน โดยพิจารณาจากปริมาณคดีแล้ว พบว่ามี 8 จังหวัด ได้แก่ อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี บึงกาฬ หนองบัวลำภู แม่ฮ่องสอน หนองบัวลำภู อุทัยธานี และสมุทรสงคราม มีปริมาณคดียังไม่เพียงพอที่จะให้สามารถมีตำแหน่งรอง ผบก.เพิ่ม จึงมีการถอนตำแหน่งออกมา จากนั้นนำมาเพิ่มให้กับกองบังคับการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้แก่ บก.ปอท.1 ตำแหน่ง, บก.ทท.1 ตำแหน่ง, บก.ปทส.1 ตำแหน่ง, บก.ปอศ.1 ตำแหน่ง, บก.รฟ.1 ตำแหน่ง, บก.ปคบ.1 ตำแหน่ง, กองบังคับการสืบสวน บช.สตม.1 ตำแหน่ง และ กองบังคับการสกัดกั้นยาเสพติด บช.ปส.1 ตำแหน่ง
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อไปว่า ระดับพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ เทียบเท่าตำแหน่ง ผกก.ซึ่งต่อไปนี้จะไม่ได้อยู่ประจำที่สถานีตำรวจ แต่ยังคงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผกก.สอบสวน แต่ให้อยู่ในสังกัดกองบังคับการ หรือกองบัญชาการเดิม เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน เช่นเดียวกับระดับรอง ผกก.ถึงรอง สว.ที่เดิมทีเคยทำงานสอบสวนอยู่ใดยังคงอยู่ที่เดิม จะไม่มีการปรับย้ายตัวบุคคล หรือตำแหน่งแต่อย่างใด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบางคนเกรงว่าจะถูกย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดภาคใต้ ตรงนี้ยืนยันว่าไม่มี ทุกคนยังคงทำงานสอบสวนอยู่ที่เดิม ซึ่งตรงนี้เราพิจารณาถึงความต่อเนื่องในการทำงาน พนักงานสอบสวนบางนายมีคดีที่ต้องรับผิดชอบจึงต้องการความต่อเนื่อง จนคดีเสร็จสิ้นส่วนพนักงานสอบสวนระดับรอง ผกก.-สว.จำนวน 37 ตำแหน่ง ที่ผ่านการแต่งตั้งให้ขึ้นข้ามหน่วย หากสมัครใจจะกลับยังหน่วยเดิมที่ขึ้นไม่ได้ ก็จะพิจารณาให้
“ยืนยันว่าการแต่งตั้งพนักงานสอบสวนส่วนใหญ่ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ระดับรอง ผกก.-รอง สว.ยังคงได้รับเหมือนเดิม ที่หายไปคือ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เดิมทีมีเงินประจำตำแหน่ง 20,800 บาท แต่ตรงนี้ไม่ต้องกังวลเพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.ได้ให้นโยบายชัดเจนว่าเงินจำนวนนี้จะต้องนำกลับมาให้ ผกก.ที่ทำหน้าที่สอบสวนตามเดิม ซึ่งตรงนี้ได้มีการร่างระเบียบ ก.ตร.ไว้รองรับไว้ทั้งหมดแล้ว ระเบียบ ก.ตร.นี้ผ่านความเห็นชอบของ ก.ตร. ก็จะได้เงินย้อนหลังนับจากวันที่ยังทำหน้าที่สอบสวนอยู่ ยืนยันว่าเงินจำนวนนี้ไม่ได้หายไปไหน ขณะนี้มีเนื้อเงินอยู่ ได้ตั้งงบประมาณปี 2559 ไว้รองรับแล้ว” รอง ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากคณะทำงานฯ ได้ข้อสรุป จะนำข้อเสนอทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุฯ ก.ตร.ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ซึ่งจะมีการพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการแต่งตั้ง ซึ่งเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. โดยจะดำเนินการแต่งตั้งให้เสร็จสิ้นก่อนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.ถึง สว. วาระประจำปี 2558
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการยกระดับสถานีตำรวจจากเดิมที่มีสารวัตรใหญ่เป็นหัวหน้าสถานี เป็นสถานีตำรวจที่มี ผกก.เป็นหัวหน้าสถานี และแต่งตั้งให้พนักงานสอบสวนระดับ ผกก.ไปเป็นหัวหน้าสถานีนั้น ยืนยันว่าคณะทำงานฯ ดำเนินการเฉพาะการกำหนดตำแหน่งพนักงานสอบสวน ไม่มีการพิจารณาเรื่องการยกระดับสถานีตำรวจ ซึ่งเรื่องนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาค่อนข้างมาก จึงต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกสักระยะ
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า การดำเนินการแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกระดับ ผบก.จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร.เพื่อกำหนดตำแหน่งก่อนเสนอ ก.ต.ช. แต่ระดับนี้ยังไม่มีตัวบุคคลจึงแยกดำเนินการอีกส่วนหนึ่ง แต่ที่มีตัวบุคคล คือ ระดับรอง ผกก.-รอง สว. ตรงนี้หลังผ่านที่ประชุมอนุฯ ก.ตร.บริหารงานบุคคล หลังจากนั้น ผบ.ตร.จะออกคำสั่งแต่งตั้งใหม่ทั้งหมด แต่ทั้งหมดยังอยู่ที่เดิม เป็นการเปลี่ยนเพียงเลขตำแหน่ง เป็นขั้นตอนทางธุรการ ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง