MGR Online - ดีเอสไอเชิญ “เกศินี จิปิภพ-นายวันชัย หงส์เหิน” มารดาและสามีของนางกาญจนาภา เข้าชี้แจงกรณีรับเช็ค 26 ล้านบาทซื้อหุ้น ทอท. รับมีเงินเข้าบัญชีจริง ทั้งนี้ได้นัดหมาย “พานทองแท้” มาชี้แจงประเด็นเงิน 10 ล้านบาท 4 มี.ค.นี้
วันนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางเกศินี จิปิภพ มารดาของนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายวันชัย หงส์เหิน สามี นางกาญจนาภา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานการสอบสวน เพื่อให้ปากคำชี้แจงกรณีมีแคชเชียร์เช็คมูลค่า 26 ล้านบาท สั่งจ่ายเข้าบัญชีของนางเกศินีเพื่อซื้อหุ้นผู้มีอุปการคุณบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยหุ้นดังกล่าวมีการกระจายให้แก่พนักงานบริษัท ฮาวคัม จำกัด และบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ซึ่งมีนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นทั้งสองบริษัท
พ.ต.ท.สมบูรณ์เปิดเผยหลังการชี้แจงเสร็จสิ้นว่า วันนี้ทางดีเอสไอได้เชิญพยานสองปากมา คือ นางเกศินี จิปิภพ และนายวันชัย หงส์เหิน ซึ่งในการสอบสวนจะมีพนักงานอัยการร่วมด้วยโดยตลอดและครั้งนี้ก็เช่นกัน สำหรับประเด็นที่สอบพบว่ามีจำนวนเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ โอนเข้าไปยังบัญชีของนางเกศินี จิปิภพ โดยการชี้แจงยอมรับว่ามีเงินเข้าไปในบัญชีของตัวเองจริง ส่วนรายละเอียดต้องขออนุญาตไม่เปิดเผยเพราะเป็นเรื่องของสำนวน
พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการพาดพิงบุคคลอื่นนั้นยังไม่มีการพูดถึงเพียงแต่ชี้แจงในส่วนของการฝากซื้อขายหุ้นเท่านั้น ซึ่งทางดีเอสไอจะกลับไปประชุมกับคณะทำงานร่วมกันเพื่อพิจารณาสำนวนและดูรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นคดีเก่าเอามาเทียบเคียง แต่ถ้าประเด็นใดเจ้าหน้าที่ยังสงสัยอยู่จะเรียกมาสอบเพิ่มเติมได้ โดยดีเอสไอมีเพียงเอกสารบางส่วนเท่านั้น
“สำหรับนายพานทองแท้ ชินวัตร กับนางกาญจนา หงส์เหิน ทางดีเอสไอได้นัดหมายเดินทางมา ในวันที่ 4 มี.ค. 59 โดยนายพานทองแท้จะมาชี้แจงประเด็นที่มีจำนวนเงินเข้าไปในบัญชี 10 ล้านบาท ส่วน นางกาญจนาเป็นประเด็นคล้ายกันแต่จำรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งเชิญทั้งสองท่านมาสอบในฐานะพยาน”
พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้มีการสอบพยานไปแล้วเกือบ 200 ปาก หรือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ทางดีเอสไอจะพยายามเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้ โดยพยานทุกปากที่ดีเอสไอเรียกมาเป็นในฐานะผู้รับเงินหรือรับเช็คจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ หรือคุณรัชดา กฤษดาธานนท์ ทั้งหมดเพื่อสอบถามที่ไปที่มา นอกจากนี้ ผู้ต้องหาที่ถูกขังในเรือนจำก็ต้องไปสอบเพิ่ม แต่เจ้าหน้าที่ยังอยากจะดูในส่วนของผู้รับเงินให้มากพอสมควรก่อน
ด้านนายวัชรินทร์กล่าวว่า การสอบสวนในวันนี้จะเริ่มจากการสอบถามเรื่องรายละเอียดที่พนักงานสอบสวนยังสงสัยในตัวพยานหลักฐาน ซึ่งวันนี้เรียกนางเกศินีมาในฐานะพยานและก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยจะมาพิจารณาว่าสำนวนการสอบสวนหรือคำให้การของนางเกศินีในประเด็นใดที่ยังสงสัยอยู่ หรือมีพยานหลักฐานที่ต้องการก็สามารถเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติมได้ ส่วนประเด็นที่ว่าในรายละเอียดของสำนวนต้องขออนุญาตไม่ตอบ
“ทั้งนี้ สรุปแล้วว่าคนที่เกี่ยวข้องยังไม่มีใครเป็นผู้ต้องหาแต่เรียกมาสอบในฐานะพยาน ซึ่งการสอบสวนในฐานะพยานและไปเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับใครและมีหลักฐานถึงก็จะดำเนินคดีได้ แต่ในชั้นนี้พยานยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา เพราะมีบางท่านบอกว่าเป็นผู้ต้องหาแล้วเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาซึ่งขอเรียนว่ายังไม่ถึงขั้นตอนนั้น เพียงแค่เรียกมาในฐานะพยาน” นายวัชรินทร์กล่าว
นายวัชรินทร์กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องคดีไม่มีความหนักใจแต่หนักใจตรงที่สื่อมวลชนไม่เข้าใจว่าเป็นผู้ต้องหาแต่ทำไมเรียกมาไม่แจ้งข้อกล่าวหา ประเด็นตรงนี้จึงขอชี้แจงให้ทราบและถ้าวันใดพยานหลักฐานไปถึงเจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหา