xs
xsm
sm
md
lg

บช.น.ระดมกวาดล้างล่อซื้อยาอันตราย พบผู้ต้องหาส่วนใหญ่ใช้ผสมดื่มก่อนก่อเหตุอุกฉกรรจ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - รักษาราชการแทน ผบช.น.แถลงผลการระดมล่อซื้อยาอันตรายกลุ่มแอนติฮีสตามีน หลังพบกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกจับกุมในหลายคดี นำไปผสมเครื่องดื่มทำให้เกิดอาการมึนเมา คึกคะนอง ก่อนลงมือก่อเหตุอุกฉกรรจ์ เบื้องต้นสามารถจับกุมผู้จำหน่ายยาผิดกฎหมายได้ 62 ราย

วันนี้ (19 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. แถลงผลการระดมการล่อซื้อยาอันตราย ตัวยากลุ่มแอนติฮีสตามีน ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุอุกฉกรรจ์หลายพื้นที่ใน บช.น. อาทิ กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ได้ทำการจับกุมแก๊งอั้ม เสือใหญ่ ที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์มากว่า 7 ครั้ง โดยใช้มีดอีโต้ฟันผู้เสียหาย และก่อเหตุปล้นทรัพย์สองพ่อลูก บริเวณซอยศรีนครินทร์ 11 ผู้เสียหายเป็นพนักงานบริษัท ไทยออแกไนซ์ ถูกแทงด้วยของมีคมที่แขนทั้งสองข้าง และเหตุปล้นทรัพย์หน้าตึกชินวัตร 2 ผู้เสียหายเป็นพนักงานเอสแอนด์พี สาขาตึกชินวัตร ทาวเวอร์ 2 ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธมีดปล้นทรัพย์ขณะกำลังนั่งเล่นไอแพด จากการสอบสวนผู้ต้องหาแต่ละคดีส่วนใหญ่รับสารภาพว่าก่อนลงมือก่อเหตุได้เสพยาทามาดอล โปรโคดิล (ตัวยากลุ่มแอนติฮีสตามีน) เมื่อเสพเข้าไปแล้วจะมีอาการมึนเมาทำให้ครองสติไม่ได้ หรือที่เรียกติดปากสั้นๆ ว่า “ดูดโปร” ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นนิยมเสพเป็นจำนวนมาก

พล.ต.ต.จารุวัฒน์กล่าวว่า เป็นยาในกลุ่มของแอนติฮีสตามีน ผสมทามาดอล ผสมน้ำอัดลม และใส่น้ำแข็ง เมื่อดื่มเข้าไปจะมึนเมา คึกคะนอง เพราะว่าเหตุหลายอย่างที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเหตลักทรัพย์ วิ่งราว ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ซึ่งครั้งนี้เจ้าหน้าที่ระดมกว่า 3 วันจึงสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 62 ราย 62 ร้านขายยา จึงอยากขอเตือนร้ายขายยาทุกร้านว่าอย่าเห็นแก่กำไรเล็กน้อยเพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่นเนื่องจากคนที่ซื้อไปกินก็จะไปก่อเหตุอาชญากรรม เหมือนที่ ผบช.น.พูดไว้ว่ายาพวกนี้ตรวจไม่พบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องเน้นไปจับกุมร้านจำหน่าย เพราะเริ่มจะมีการจำหน่ายกันเอง และมีโทษจำคุกทันที

ส่วนข้อหาที่ดำเนินคดีทั้งหมด คือ 1. มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (อัลปราโซแลม) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท 2. ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท 3. ขายยาชุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท 4. ร่วมกันขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท 5. ขายยาปัจจุบันนอกเวลาทำการ ปรับ 2,000-10,000 บาท 6. ไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ปรับ 2,000-10,000 บาท และ 7. ขายยาอันตราในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ปรับ 1,000-5,000 บาท

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น