ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผกก.- หัวหน้าสถานี “มุบมิบ”เงินสนับสนุนปราบปราบ-สอบสวน ปีละ 1.2 ล้าน ใช้จริงไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ “อมตุ่ย”
“ทำเพื่อตัวเอง ก็อยู่แค่สิ้นลม ทำเพื่อสังคม แม้สิ้นลม ก็ยังอยู่”.... สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านขาประจำ MGR ออนไลน์ ทุกๆท่าน กระผม “บิ๊กเกรียน”ขอรายงานตัวด้วยบรรยากาศแสนหดหู่ใจ สังเวยอารมณ์ของผู้มีอำนาจที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็น “ส่วนใหญ่”ของผู้ใต้บังคับบัญชา เช้าวันที่ 12 ก.พ.2559 พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.เทียนทะเล หรืออีกตำแหน่งคือเลขาธิการสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ ซึ่งสังคมไทยเริ่มจะรู้จักเขาในฐานะตัวแทนตำรวจสายงานสอบสวนทั่วประเทศ ที่กำลังเคลื่อนไหวคัดค้านคำสั่ง ม.44 ที่ 6/2559 และ 7/2559 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ......
00000.....เนื้อหาสาระของคำสั่งดังกล่าวมีผลกระทบต่อพนักงานสอบสวนกว่า 1 หมื่นนายทั่วประเทศเพราะเมื่อยุบ-เลิกตำแหน่งไปแล้วสิ่งที่ตามมาคือความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ รายได้จากเงินประจำตำแหน่งที่เคยได้รับ และอนาคตที่ยังมองไม่เห็นเพราะการยุบ-เลิก มิได้บอกล่วงหน้าให้ทราบ 1 ใน 700 นายคือพ.ต.ทจันทร์ ชัยสวัสดิ์ เคยได้รับค่าตอบแทนประจำตำแหน่งเดือนละ 20,800 บาทต้องหายไปทันที แม้ผู้บังคับบัญชา จะยืนยันว่าไม่มีการตัดเงินหรือสิทธิประโยชน์ใดๆแต่แผนงานรองรับ หรือการปฏิรูปตามหลักวิชาการ ตามกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญที่เคยกล่าวอ้างไว้ ไม่มีอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมทั้งสิ้น เรียกว่าไร้อนาคต หมดขวัญกำลังที่จะยืนหยัดอีกต่อไป.....
00000.....หลังพ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ ในฐานะเลขาธิการสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ ทำหนังสือร้องเรียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เพื่อให้ทบทวนคำสั่งดังกล่าว คำตอบที่ได้มาก็คือการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยแก่พ.ต.อ.ภรภัทร เพ็ชรพยาบาล พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.บางปู จว.สมุทรปราการ หรืออีกตำแหน่งในฐานะประธานสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ คำสั่ง “ปิดปาก”ส่วนหัวย่อมกระทบลงมายังส่วนอื่นๆอย่างแน่นอน และบทบาทครั้งสุดท้ายของพ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ ในฐานะเลขาสหพันธ์ฯเขาได้เลี่ยงที่จะตอบคำถามนักข่าวนั่นเพราะมีสัญาณไม่สู้ดีมาจาก “เบื้องบน”จึงขอให้นักข่าวกลับไปอ่านหนังสือร้องเรียนที่ยื่นต่อนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่ามีรายละเอียดต่างๆอยู่ในนั้นชัดเจนทุกประการแล้ว.....
00000.....อีก 1 ชีวิตในแวดวงผู้พิทักษ์ฯที่ดับสูญไปหลายคนอาจมองว่านี่คือฉากสุดท้ายของกลุ่มตำรวจหัวก้าวหน้าที่ต้องการหลุดพ้นมาจากวัฒนะธรรมเก่าๆในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่อีกจำนวนไม่น้อยกลับมองว่านี้คือฟางอีกเส้นหนึ่งที่กำลังเพิ่มพูนมากขึ้นบนหลังอูฐ หรืออาจเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย”ในสังคมสีกากีที่ตำรวจเกือบ 3 แสนนายได้สติกลับคืน “ยืนอยู่กับความจริง”และพร้อมดำรงอยู่เพื่อความเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ดีขึ้น .....อย่าให้ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ ต้องตายเปล่าเพราะไม่เช่นนั้นยังอาจจะมีตำรวจอีกหลายคนที่ต้องดับดิ้น-สิ้นชีพ กับภาวะบีบคั้นที่ไม่อาจทนต่อไปได้....พ.ต.อ.วิรุตน์ ศิริสวัสดิบุตร นายตำรวจน้ำดีอีกคนในฐานะที่ปรึกษาสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ ท่านมีความคิดอ่านอย่างไร.....”บิ๊กเกรียน”ติดตามผลงานนายตำรวจท่านนี้มานาน “วางใจ”ได้ว่าเป็นตำรวจดีที่ประชาชน และคนเป็นตำรวจพึ่งพาอาศัยได้..... 00000.....พ.ต.อ.วิรุตน์ เคยกล่าวถึงปัญหาตำรวจในช่วงนี้ไว้ว่า....ตำรวจไทยมียศนายพลมากมายถึง 498 คนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ่นเรื่อยๆ ถือว่าจะเป็นหน่วยงานที่มีนายพลมากที่สุดในโลก เงินอุดหนุนโรงพักในลักษณะสืบสวน -สอบสวนมีให้ ผกก.หรือหัวหน้าสถานีแห่งละ 1 แสนบาทแต่ใช้จริงไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ ตกปีละ 1.2 ล้านบาทแม้จะอดอยากไม่มีเงินสีเทาใครๆก็อยากเป็น !!??....ความเครียดของตำรวจไทยมิได้เกิดจากงานในหน้าที่ แต่มีปัญหาเรื่องต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และโครงการบ้าๆบอๆของนายต่ละคนประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเป็นรายวัน ต้องหาเงิน เบียดบังงบประมาณส่งส่วยตำรวจผู้ใหญ่ หรือกระทั่งรับใช้คุณนายหลังบ้าน จัดกระเช้า อาหารไปร่วมงานวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน หรือเทศกาลต่างๆ เพื่อรักษาเก้าอี้ รวมทั้งหวังจะมีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ.... “พนักงานสอบสวนแต่ไหนแต่ไรมีแต่คดีผู้ต้องหาหลบหนี แต่ปัจจุบันมีคดีประเภทพนักงานสอบสวนหลบหนี” คือสอบเสร็จแล้วยังต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ!!??
00000.....ในฐานะทำมาหากินกับข่าวอาชญากรรมมานาน รู้จักตำรวจน้อย-ใหญ่มาก็เยอะแต่บอกตามตรงว่าไม่เคยเห็นตำรวจยุคไหนตกต่ำ ล้มเหลวเท่ากับยุคนี้ ว่าไปแล้วจะโทษผู้มีอำนาจก็คงไม่ถูกนัก เพราะ “คนชง”ก็คือตำรวจใหญ่ที่ติดสอยห้อยตาม หรือตำรวจใก้ลตัว ท ทหาร ทั้งนั้น ถ้าต้องการให้เกิดประโยชน์สูงสุด วิน-วิน ทั้งข้าราชการตำรวจและประชาชน “ทางเลือก” และ “ทางออก”คงไม่มาสู่ “ทางตัน”กันอย่างนี้....เฉพาะปัญหาพนักงานสอบสวน “บิ๊กเกรียน”กะเทาะให้ถึงแก่น “ฟันธง”ว่า เหตุผลแรกคือไม่ยอมปล่อยให้งานสอบสวน เปลี่ยนผ่านไปอยู่ในร่มเงาของกระทรวงยุติธรรม...ถามว่าทำไมเพราะนี่คือการตอบโจทก์ที่สังคมไทยต้องการมิใช่หรือ...แต่ความจริงของคนมีอำนาจเขาไม่เอาด้วย ดั่งที่รู้กันว่า “ตำรวจ”รับใช้อำนาจ รับใช้นักการเมือง และรับใช้รัฐบาล (ทหาร) หมุนเวียนอยู่อย่างนี้เป็นวัฎจักร การเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเพียงอาการ “ผายลม”ทางปาก หรือ “ตด”ให้น้องหมาดีใจไปเท่านั้น...เหตุผลต่อมาคือ “กดหัว-เอาคืน”ไม่ให้ฮือไม่ให้อือเพราะอาจจะรวนไปทั้งระบบ อีกทั้งคนใก้ลตัวผู้มีอำนาจอาจ “วางยา” เตะสกัดคู่แข่ง “ชักบันไดหนีไฟ” เอากันแบบตายทั้งเป็น หมดทางสู้กันไปเลย ต่อไป “นายพล”สายสอบสวนใช่ว่าจะขึ้นกันได้ง่ายๆ นั่นเท่ากับเป็นการบีบทางของบรรดานายร้อยปริญญาตรี-ปริญญาโท ในทางอ้อม.....
00000.....ปิดท้ายข่าวฝาก....ขอเชิญพี่น้องชมรมสวนฝั่งธนฯและชาวชมพูฟ้าร่วมพบปะสังสรรค์ในบรรยากาศขำๆเวลาแดดร่มลมตกศุกร์ที่ 12 ก.พ.นี้ที่ห้องปิ่นเกล้า โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า “บิ๊กเกรียน”คนชอบของฟรีถ้าไม่ติดอะไรจะไปแจมด้วย....00000