xs
xsm
sm
md
lg

ปอท.จัดเสวนาเตือนประชาชนรู้ทันภัยออนไลน์ “โรแมนซ์สเเกม”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ปอท.จัดเสวนาเตือนภัยร้ายที่มาในรูปแบบโรแมนซ์สแกม ให้ประชาชนตระหนักและรู้เท่าทัน ป้องกันการตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ ระบุที่ผ่านมามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกว่า 80 คดี เสียหาย 150 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

วันนี้ (12 ก.พ.) เวลา 11.00 น. ที่มิราเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น โฮเทล ชั้น 2 ห้องเมจิก 2 พ.ต.อ.ภาณุวัฒน์ ร่วมรักษ์ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สมพร แดงดี รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.2 บก.ปอท. ร่วมกันเสวนาเตือนภัยร้ายที่อยู่ในโลกของเทคโนโลยี โดยเฉพาะภัยที่เกิดในรูปแบบของดคีโรแมนซ์สแกม ภายใต้โครงการ “ประชาสัมพันธ์ และสร้างความร่วมมือระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” เพื่อเตือนประชาชนให้ตระหนักและรู้เท่าทัน เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

พ.ต.อ.ภาณุวัฒน์กล่าวว่า ในปัจจุบันความหน้ากลัวของคดีโรแมนซ์สแกมมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยเหล่ามิจฉาชีพจะทำทีมาตีสนิท แอดเป็นเพื่อน แล้วคุยในทำนองเข้ามาจีบ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เมื่อสามารถทำให้เหยื่อหลงเชื่อก็จะแสร้งสร้างอุบายที่เป็นเหตุให้เราต้องโอนเงินไปให้ ปีที่ผ่านมามีผู้ที่มาแจ้งความที่ บก.ปอท.กว่า 80 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้ที่ตกเป็นกลุ่มเป้าหมายก็มักจะเป็นคนโสด อายุค่อนข้างเยอะ การศึกษาดี เป็นคนมีเงิน โดยมิจฉาชีพเหล่านี้จะเข้าไปเก็บข้อมูลก่อน อาจจะทางเฟซบุ๊กและทางอื่นๆ ดูการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ก่อนจะเข้ามาขอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก หญิงไทยบางคนที่อยากจะฝึกภาษาเมื่อได้หลวมตัวเข้าไปคุยก็อาจจะหลงกลได้

พ.ต.อ.ภาณุวัฒน์กล่าวต่อว่า มิจฉาชีพพวกนี้จะทำเป็นขบวนการโดยมีคนไทยร่วมด้วย และตั้งฐานอยู่ในเมืองไทย บางรายเข้ามาในประเทศไทย แต่งงานกับสาวไทย มีลูกด้วยกันเพื่อหวังที่จะได้มีโอการในการอยู่ในประเทศมากยิ่งขึ้น และคนไทยที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทั้งในเรื่องของการเปิดบัญชีหน้าม้า หรือเป็นตัวละครอื่น ส่วนใหญ่ก็เป็นภรรยาของผู้ต้องหาเอง เมื่อปีที่ผ่านมาสามารถจับดำเนินคดีได้ 20 ราย ผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นชาวผิวดำ พวกแอฟริกา หรือไนจีเรีย เมื่อถูกจับพวกนี้จะให้การปฏิเสธ ไม่รู้ไม่เห็น โดยอ้างว่าตนมีหน้าที่เจ้าไปแชไตปคุยกับผู้เสียหายเฉยๆ ส่วนเอกสารหลักฐานทางด้านการเงินก็จะสืบไปถึงหญิงไทยที่รับเปิดบัญชี ทำให้สืบหาไปยังตัวการได้ลำบากยิ่งขึ้น

จากการตรวจสอบพบว่า เหยื่อจำนวนมากที่ถูกญาติบังคับให้มาแจ้งความหลังจากถูกหลอกให้โอนเงินแล้ว บางรายยังคงเชื่อว่าตนไม่ได้ถูกหลอก และเข้าใจว่านั้นคือรักแท้ ส่วนใหญ่คนที่ถูกหลอกมักเป็นคนที่มีการศึกษาดี หน้าที่การงานดี อยู่ในวัยกลางคน อายุ 45-60 ปี ทั้งนี้มีเหยื่อที่เสียหายมากที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยเสียหายไป 33 ล้านบาท ใช้เวลากว่า 2 ปีถึงจะรู้ตัวว่าตนเองถูกหลอก

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวว่า ข้อสักเกตุหลักๆที่จะทำให้รู้ได้ว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาหานั้นจะมาหลอกหรือไม่ ให้สังเกตุว่า คู่คุยของคุณจะทำเป็นตกหลุมรักคุณเร็วมาก ไม่ถึงอาทิตย์ก็จะเรียกคุณว่า “ที่รัก” หรือ “Darling” นั้นเป็นเพราะว่ามิจฉาชีพจะคุยกับเหยื่อหลายสิบคน และจะเรียกทุกคนว่าที่รักเหมือนกันหมด เพื่อป้องกันการเรียกชื่อผิด, ไม่ยอมคุยผ่านกล้องหรือไม่ยอมให้เห็นหน้า บ่ายเบี่ยงเมื่อขอเจอตัว เพราะมิจฉาชีพมักจะใช้รูปคนอื่นมาหลอกให้เหยื่อหลงรัก ถ้าคู่กรณีเป็นช่าวต่างชาติจะใช้รูปฝรั่งผิวขาว

ความจริงแล้วพบว่าแทบทั้งหมดเป็นชายผิวดำ คุยกันได้ไม่นานก็มีเรื่องให้ต้องเสียเงิน ซึ่งจะมาทั้งในรูปแบบมีเหตุจำเป็นให้เราโอนเงินให้ ชวนทำธุรกิจ ปัญหาชีวิตต่างๆ เพื่อให้เราสงสาร หรือการจ่ายค่าธรรมเนียมในการรับของขวัญที่เขาส่งมาให้ โดยมิจฉาชีพเหล่านี้จะให้คนกลางทำทีแสร้งว่าเป็นคนจากบริษัทขนส่ง หรือกรมศุลกากร เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ในกรณีที่เป็นฝรั่งมักจะบอกว่าเป็นชาวอังกฤษ หรืออเมริกา แต่เขียนภาษาอังกฤษโดยใช้แกรมมาผิด เป็นเพราะว่า 99 เปอร์เซ็นต์ของมิจฉาชีพเหล่านี้มักเป็นพวกคนผิวดำไนจีเรียปลอมตัวมาก่อเหตุ และสุดท้ายคือการที่คุยกันได้ไม่นานก็ชวนมีกิจกรรม เซ็กซ์ออนไลน์ผ่านทางกล้อง และระหว่างที่คุณกำลังทำกิจกรรมเซ็กซ์ออนไลน์ผ่านกล้องอยู่นั้นอีกฝ่ายก็จะบันทึกภาพและเสียงตลอดกิจกรรมเพื่อนำมาแบล็กเมล์ และเรียกเงินจากคุณอยู่เรื่อยๆ

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวต่อว่า หากถ้ายังไม่มั่นใจว่าคนที่เราคุยด้วยนั้นเป็นเหล่ามิจฉาชีพหรือไม่ ให้ลองชวนคุยผ่านกล้อง ถ้าบ่ายเบี่ยงไม่คุยหลายๆ ครั้งให้สงสัยก่อนเลยว่าอาจจะเป็นแก๊งหลอกลวง หรือถ้าคุยผ่านกล้องแล้วให้สังเกตสำเนียงการพูด นอกจากนี้ ทางราชการไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ติดต่อทางโทรศัพท์ในการโอนเงิน แก๊งพวกนี้จะหมุนเวียนกันเข้ามาในประเทศไทยตลอด เจ้าหน้าที่เองก็ทำงานเต็มที่อาจจะปราบปรามได้ไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องเตือนประชาชนทั่วไปให้ตระหนักและรู้เท่าทันจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย









 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น