MGR Online - แฉเบื้องหลังจับ “อาร์ตูร์”มือฆ่าหั่นศพ ธนาคารดังพบพิรุธนำหนังสือเดินทางปลอมไปเบิกเงิน สะกิด ตม.เจอแจ๊กพอร์ต 2 คดีซ้อนล้วนมูลค่าเสียหาย 30 ล้านขึ้น เชื่อแก๊งบราซิลเล่นกลใช้วิธีสอยเงิน “บัญชีผี”ของธนาคารที่กั๊กไว้จากเงินเหลือค้างบัญชี หรือเงินผิดกฎหมาย จนถึงเงินซุกเมีย แต่เกิดความโลภจึงลงมือฆ่า มั่นใจแม้ปฏิเสธแต่พยานหลักฐานชัดเจนดิ้นไม่หลุดแน่
คดีฆาตกรรมอำพรางกรณีพบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ถูกตัดนำไปทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรีและปทุมธานี และทราบต่อมาว่าเหยื่อเคราะห์ร้ายคือนายเดวิด เบอร์นาด อายุ 40 ปีชาวสเปนส่วนนายอาร์ตูร์ เซการ์รา ปริ๊นเซป อายุ 37 ปีฆาตกรโหดหลังให้แฟนสาวคนไทยช่วยพาหลบหนีไปยังชายแดนประเทศกัมพูชา ปรากฏว่าไปไม่รอดถูกทางการเขมรจับกุมพร้อมส่งมอบให้ตำรวจไทยนำมาแถลงข่าวอย่างครึกโครมเมื่อตอนค่ำวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา
สำหรับเบื้องหน้าเบื้องหลังการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญนี้ทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์ได้สืบเสาะมีข้อมูลที่น่าสนใจว่าช่วงเกิดเหตุระหว่างปลายเดือน ม.ค.2559 มีผู้พบชิ้นส่วนมนุษย์ลอยไปติดบริเวณกอสวะริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใก้ลอู่ต่อเรือหลังวัดคฤหบดี ซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 เขตรับผิดชอบ สน.บวรมงคล ตำรวจนครบาลนำโดยพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.จึงเดินทางไปสอบสวนแต่ในเบื้องตนยังมืดแปดด้านแต่เริ่มนับ 1 เร่งรัดให้ฝ่ายสืบสวนระดมหาข้อมูลกระทั่งวันที่ 31 ม.ค.ได้พบศรีษะ ขา และลำตัวมนุษย์โผล่ในพื้นที่ สภ.นนทบุรี กับปทุมธานี อันเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย และพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา สบ.10 จึงร่วมสอบสวนเนื่องจากมีแนวโน้มเป็นคดีสำคัญอุกอาจสะเทือนขวัญ
ระหว่างตำรวจนครบาล และ บช.ภ.1 กำลังสาละวนหาข่าวกันอยู่นั้นตำรวจอีกหน่วยหนึ่งคือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่งขอให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลนายเดวิด เบอร์นาด ว่ามีประวัติอาชญากรรมใดๆหรือไม่เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ไปติดต่อขอเบิกเงินจากธนาคารจำนวนมาก ซึ่งทางธนาคารได้ให้เบิกไปจำนวนหนึ่งแต่ต่อมาได้ระงับไว้เนื่องจากพบว่าหนังสือเดินทางมีพิรุธน่าจะเป็นของปลอมที่ใช้วิธีผ่าเล่ม ฝ่ายสืบสวน สตม.จึงนำหลักฐานต่างๆไปตรวจสอบ จนทราบต่อมาว่าผู้ตายพักอยู่คอนโดฯแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท เมื่อไปตรวจสอบจึงทราบว่าเป็นคนเดียวกับนายเดวิด เบอร์นาด ที่ถูกฆ่าหั่นศพ
มีรายงานด้วยว่าในห้วงเวลาไล่เลี่ยกันแต่แยกเป็นอีกคดีหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้จับกุมนายคาร์ลอส ออกัสโตเ เซน โลเปส เดอเมเด้ อายุ 37 ปีชาวบราซิลในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้หนังสือเดินทางปลอม โดยพฤติการของผู้ต้องหารายนี้มีความสามารถเรื่องแฮ็กข้อมูลเนื่องจากเคยประกอบอาชีพโปรแกรมเมอร์ และได้นำประวัติของเป้าหมายที่มีเงินฝากจำนวนมากมาสร้างหลักฐานเท็จเพื่อเบิกเงินออกจากบัญชี มีรายงานว่านายคาร์ลอส ใช้หนังสือเดินทางปลอมเป็นชาวอิตตาลี จากย่านถนนข้าวสารในราคา 8 หมื่นบาทเพื่อใช้ในการกระทำผิดรวมมูลค่าความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 30 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับธนาคาร ที่ตกเป็นเป้าหมายของแก๊งบราซิลก็คือธนาคารธนะชาติ ซึ่งในคดีฆ่าหั่นศพมีการเบิกจ่ายจากธนาคารแห่งนี้เช่นกันโดยมีพฤติการณ์คล้ายคลึงกันต่างตรงที่เกิดความขัดแย้งจนถึงขั้นเอาชีวิตซึ่งขณะนี้แม้นายอาร์ตูร์ จะปฏิเสธแต่จาการสอบสวนพยาน และหลักฐานต่างๆที่ปรากฏทั้งนายเดวิด เบอร์นาด ผู้ตายและฆาตกรน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี คาดว่าเมื่อเบิกเงินจำนวนหนึ่งมาจากธนาคารแล้วอาจเกิดการหักหลัง จึงจับคนตายไปทรมานเมื่อเสียชีวิตวิธีเคลื่อนย้ายศพที่อำพรางได้ก็คือหั่นเป็นชิ้นส่วนเพื่อนำไปทิ้งอำพรางดังกล่าว
สำหรับสาเหตุที่ยังคงเป็นปมมืดอยู่นั้นแหล่งข่าวระดับสูงใน สตม.ระบุว่ามีหลายประเด็นที่กำลังพยายามค้นหาความจริงทั้งจากการสอบสวนญาติของผู้เสียชีวิตกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากตำรวจสากลมีทั้งเรื่องฟอกเงินผิดกฏหมาย และแฮ็กข้อมูลจากบัญชีของเหยื่อที่มีฐานะทางการเงินค่อนข้างดี แต่อีกประเด็นหนึ่งคือการแฮ็กข้อมูลจากบัญชีกลางของธนาคารต่างๆทั่วโลกซึ่งถือเป็นบัญชีที่มีเจ้าของแต่ไม่ไปใช้สิทธิ์เบิกถอนเช่นบัญชีเงินคงเหลือรายละไม่มาก กับบัญชีของผู้เสียชีวิตแต่ญาติพี่น้องไม่ทราบ บัญชีประเภทนี้มีทั้งซุกว่อนเพื่อไม่ให้ครอบครัวทราบ หรือซุกไว้เนื่องจากเงินผิดกฎหมาย หรือเป็นเงินจากบรรดาเศรษฐีที่มีภรรยาหลายคนแต่ต้องการจะปกปิดซึ่งมีมากที่สุดในประเทศเยอรมนี ส่วนในเมืองไทย ก็มีบัญชีประเภทนี้เช่นกัน ข้อสันนิษฐานต่างๆจึงเป็นภาพกว้างๆที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่ในการดำเนินคดีกับนายอาร์ตูร์ ไม่ต้องเป็นห่วงเนื่องจากมีพยาน หลักฐานแน่นหนาจนไม่สามารถดิ้นหลุด
ส่วนเบื้องหลังการปิดฉากจบเกมอย่างรวดเร็ว จนเกิดเสียงชื่นชมจากประชาชนทั่วไปมีรายงานด้วยว่าเป็นเพราะมีการประสานงานอย่างรวดเร็วระหว่างตำรวจ บช.น. - บช.ภ.1 และ สตม.เนื่องจากเมื่อทราบความเป็นมาแล้วทุกฝ่ายติดตามไล่บี้ แกะรอยคนร้ายระหว่างตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม.อีกหลายจุดกระทั่งไปโผล่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา จึงประเมินว่าคนร้ายน่าจะบ่ายหน้าไปยังชายแดนเขมร พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช. สตม. ซึ่งก่อนหน้าเข้ารับตำแหน่งได้กระชับความสัมพันธ์กับพล.อ.ซก พอล อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองประเทศกัมพูชา อยู่หลายครั้งจึงขอให้ช่วยติดตามอีกแรงหนึ่ง ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่เขมรพบนายอาร์ตูร์ อยู่ภายในร้านอาหารสีหนุวิลล์ จึงจับกุมก่อนแจ้งกลับมายังฝ่ายไทยและส่งมอบผู้ต้องหาให้กับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และคณะที่เดินทางไปรับด้วยตัวเอง
พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร มีประวัติเป็น นักเรียนนายร้อยรุ่น 37 เป็นลูกหม้อตำรวจตรวจคนเช้าเมืองที่รู้ทุกปัญหา และมีวิสัยทัศน์เป็นที่ยอมรับต่อผู้บังคับบัญชา-ผู้ใต้บังคับบัญชา ได้รับการมอบหมายให้มากุมบังเหียนตรวจคนเข้าเมืองช่วงเกิดวิกฤติปัญหาส่วย อีกทั้งยังโยงไปถึงความหย่อนยานจนเป็นช่องโหว่ให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุระเบิดศาลท่านท้าวมหาพรหม จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ระหว่างเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในระดับ ผบก.สุวรรณภูมิ ได้รู้จักกับพล.อ.ซก พอล เป็นการส่วนตัว เนื่องจากอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองประเทศกัมพูชา ชื่นชอบเข้ามาพักผ่อนและรับประทานอาหารไทยแทบทุกครั้งที่เดินทางเข้ามายังกรุงเทพมหานคร มักพบปะกับพล.ต.ท.ณัฐธร เป็นประจำจึงเป็นความสนิทสนมขั้นไว้เนื้อเชื่อใจกัน และถือเป็นการพลิกฟื้นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในทุกมติทั้งการให้บริการประชาชน -นักท่องเที่ยวรวมทั้งการปราบปรามอาชญากรรมอย่างมี