MGR Online - ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต “หนุ่ย-ติ๊งต่าง” ฆาตกรต่อเนื่อง ข่มขืนแล้วฆ่าเด็กหญิงวัย 4 ขวบที่จังหวัดเลย ปี 56 โดยให้นับโทษต่อเนื่องคดีข่มขืนแล้วฆ่าเด็กหญิง 6 ขวบใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง
ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ 26 ม.ค. เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.163/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 และมารดาของเด็กหญิงผู้ตาย เป็นโจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายติ๊งต่าง หรือหนุ่ย ไม่มีนามสกุล อายุ 33 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลย ในความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครอง, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีซึ่งไม่ใช่ภรรยาตนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยความโหดร้ายทารุณ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 277, 277 ทวิ, 283 ทวิ, 288, 289, 310 และ 317
คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2558 บรรยายพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2556 เวลากลางวัน ถึงเวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลย ได้พราก ด.ญ.น้ำ (นามสมมติ) อายุ 4 ขวบเศษ ไปจากตาซึ่งเป็นผู้ปกครอง โดยจำเลยพูดจาหลอกล่อว่าจะพาไปเดินเล่นและซื้อขนม เด็กหญิงจึงยินยอมไปด้วย แต่เมื่อเด็กหญิงต้องการกลับไปหาผู้ปกครอง จำเลยไม่ยอมให้กลับแล้วใช้กำลังบีบบังคับฉุดลากเด็กหญิงเข้าไปในป่าละเมาะห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 400 เมตร ซึ่งจำเลยได้หน่วงเหนี่ยวเด็กหญิงไว้ไม่ยอมให้กลับไปหาผู้ปกครอง อันเป็นการทำให้เด็กหญิงปราศจากเสรีภาพ และจำเลยได้กระทำชำเราเด็กหญิงจนสำเร็จความใคร่ โดยเด็กหญิงไม่ยินยอมและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จากนั้นจำเลยได้ฆ่าเด็กหญิงโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย ด้วยการใช้มือบีบคอทำให้ขาดอากาศหายใจ และถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย ขณะที่ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพ
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2558 ว่าจำเลย มีความผิด ตาม ม.317 วรรคสาม, 283 ทวิ วรรคสอง, 277 วรรคสาม ประกอบมาตรา 80, 277 ทวิ (2), 310 วรรคสอง, 289 (5)(7) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม โดยให้จำคุก 9 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองฯ, จำคุกตลอดชีวิตฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีฯ และให้ประหารชีวิต ฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานเพื่อปกปิดความผิด
แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากผู้ปกครองฯ, จำคุก 25 ปี ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี และจำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นฯ โดยให้นับโทษจำเลย ต่อจากคดีหมายเลขแดง 990/2557 ที่ศาลจังหวัดพระโขนง พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต จำเลยฐานฆ่าข่มขืนน้องการ์ตูน เด็กหญิงอายุ 6 ปี บริเวณป่าใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแบริ่งด้วย ขณะที่อัยการโจทก์และจำเลยไม่ได้ยื่นฎีกาแต่เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง จำคุกตลอดชีวิตดังนั้นศาลชั้นต้นจึงได้ส่งสำนวนคดีไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อ พิจารณาตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245
โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายติ๊งต่าง จำเลย มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อฟังคำพิพากษา ซึ่งตลอดการพิจารณาคดีจำเลยไม่เคยได้รับการปล่อยชั่วคราว
ขณะที่ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นการกระทำของจำเลยกระทำผิดมาเบิกความเป็นพยาน แต่โจทก์มีบันทึกคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนที่ให้การรับสารภาพว่าตามวันเวลาที่เกิดเหตุ จำเลยพาผู้เสียหายเดินออกจากงานกาชาดจนถึงป่าละเมาะที่เกิดเหตุแล้วได้ใช้กำลังบีบคอผู้เสียหายจนสลบและกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่แล้วฆ่า ซึ่งคำให้การดังกล่าวได้เป็นการกล่าวถึงขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียด ยากที่พนักงานสอบสวนจะจัดทำบันทึกให้การเพื่อปรักปรำจำเลยในเรื่องที่ไม่เป็นจริง ขณะเดียวกัน โจทก์ก็มีพนักงานสอบสวนมาเบิกความเป็นพยานรับรองว่าจำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจและลงลายมือ ชื่อต่อหน้าทนายความที่พนักงานสอบสวนจัดหาให้ แม้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยจะเป็นพยานบอกเล่าแต่โจทก์ก็มีพยานแวดล้อมทั้งผลการตรวจสอบกะโหลกศีรษะ โครงกระดูก เสื้อ กางเกงและรองเท้าแตะของผู้เสียหายที่ได้มีการตรวจหาสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ ซึ่งมีเหตุผลรับฟังได้ว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้พรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครองและได้ใช้อวัยวะเพศผู้เสียหาย
ส่วนที่จำเลยได้ใช้กำลังบีบคออย่างแรง แล้วใช้เทปกาวสีดำพันทับศีรษะ ปากและคอจนผู้เสียหายขาดอากาศหายใจนั้นก็เป็นการกระทำต่อผู้เสียหายให้เสียชีวิตโดยทรมานและทารุณโหดร้ายเพื่อปกปิดการกระทำของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองเพื่ออนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม, ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ตามมาตรา 277 วรรคสาม ประกอบมาตรา 283 ทวิ วรรคสอง, ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ตามมาตรา 310 วรรคแรกและฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือทารุณโหดร้ายและเพื่อปกปิดความผิดของตนฯตาม มาตรา 289 (5)(7)
จึงพิพากษาให้จำคุกฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองฯ เป็นเวลา 4 ปี 6 เดือน และจำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ส่วนความผิดฐานพยายามชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 8 ปี โดยให้เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นเวลาอีก 4 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 (10) ที่บัญญัติให้ศาลพิพากษาเพิ่มโทษความผิดเกี่ยวกับเพศที่ผู้กระทำผิดนั้นได้กระทำผิดซ้ำ จึงให้จำคุกจำเลยฐานพยายามชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ รวมเป็นเวลา 12 ปี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพจึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกความผิดนี้เป็นเวลา 6 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วคงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต