xs
xsm
sm
md
lg

สตม.เข้มตรวจคนเข้าออกทั่วประเทศ - ตร. ยันไม่มีกลุ่มก่อการร้ายผ่านเข้าไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจตรวจคนเข้าเมือง กำชับทุกด่านตรวจทั่วประเทศ เข้มงวดคัดกรองบุคคลเข้า - ออก หลังเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่การตรวจสอบชายแดนธรรมชาติ เน้นปฏิบัติการเชิงรุกกดดันผู้กระทำผิด ด้านโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ยังไม่พบขบวนการก่อการร้ายผ่านเข้าไทย
 
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนธร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กล่าวถึงมาตรการตรวจสอบชาวต่างชาติเดินทางเข้า - ออกประเทศไทย หลังเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุระเบิดกลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เฝ้าระวังสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบโลกอยู่แล้ว โดยหลังเกิดเหตุได้มีการแจ้งเตือนไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกด่านทั่วประเทศให้เพิ่มความเข้มงวดให้การคัดกรองบุคคลเข้าออกประเทศ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านได้มีการเกิดเหตุขึ้นหลายครั้งในต่างประเทศได้แก่ วันที่ 12 ม.ค. ที่ประเทศตุรกี วันที่ 14 ม.ค. ที่ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 16 ม.ค. ที่แอฟริกาตะวันตก และล่าสุดวันที่ 18 ม.ค. เกิดที่ชายแดนประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นเรื่องการก่อการร้ายทั้งสิ้น
 
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา ทาง สตม. ก็ได้เปิดตัวทีมสุวรรณภูมิขึ้นโดยการบูรณาการร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้ความรู้เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบหนังสือเดินทางปลอม เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้การคัดกรองบุคคลเข้าประเทศ เนื่องจาก่ทาอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นจุดที่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้า - ออกประเทศมากกว่าร้อยละ 60 นอกจากนี้ มีการยกระดับศูนย์ต่อต้านหนังสือเดินทางปลอม เพื่อความมั่งคงและปลอดภัยของอาเซียน โดยมีเจ้าหน้าที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะจากหลายเป็นเทศเช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตเรีย ฝรั่งเศษ และเยอรมัน เป็นต้น มาให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่
 
“จากข้อมูลด้านการข่าวยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ผ่านเข้ามาในประเทศไทย โดยล่าสุดทางประเทศตุรกีก็ได้ส่งข้อมูลรายชื่อของผู้ที่เกี่ยวข้องกับก่อการร้ายมาให้ เพื่อนำรายชื่อมาตรวจสอบกับฐานข้อมูลที่มีว่าเคยมีประวัติเดินทางมาในประเทศไทยหรือไม่ และทำแบล็กลิสต์เพื่อใช้ในการตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาในด้านเครื่องมือคัดกรองบุคคลเข้า - ออกประเทศโดยการนำเครื่องมือ ตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า และเครื่องมือตรวจสอบประวัติ และข้อมูลของผู้โดยสารทุกคนอย่างละเอียดตั้งแต่อยู่บนเครื่องก่อนเดินทางถึงประเทศไทย ส่วนระบบการตรวจสอบโดยการใช้ข้อมูลทางชีวภาพ หรือไบโอแมทริกซ์นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเขียน TOR โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานภายในเดือน เม.ย. นี้ และจะทำให้การตรวจสอบมีคุณภาพสูง” ผบช.สตม. ระบุ
 
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวถึงการตรวจสอบชายแดนธรรมชาติซึ่งเป็นจุดที่ตรวจสอบได้ยากนั้น เจ้าหน้าที่จะใช้วิธีการกดดันให้ผู้กระทำผิด ด้วยการปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อกวาดล้างอย่างจริงจัง จนต้องออกนอกประเทศไปเอง พร้อมทั้งยังเตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ ในการควบคุมชาวต่างชาติที่เดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเกินกำหนด โดยจะเพิ่มอัตราโทษจากเดิมที่มีโทษปรับเพียง 20,000 บาท ให้มีบทลงโทษในส่วนของการสั่งห้ามเดินทางเข้าประเทศด้วย โดยคิดคำนวณตามวันที่อยู่เกินกำหนด อาทิ อยู่เกิน 90 วันจะถูกห้ามเข้าประเทศ 1 ปี อยู่เกิน 1 ปี จะถูกห้ามเข้า 3 ปี โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 มี.ค. นี้ แต่กฎหมายดังกล่าวจะยกเว้นชาวต่างชาติ ได้แก่ ลาว กัมพูชา เมียนมา และมาเลเซีย ที่สามารถใช้หนังสือเดินทางประเภทบอร์ดิงพาส ได้ตามปกติ ทำให้มั่นใจว่าช่วงก่อนที่ที่กฎหมายใหม่นี้จะเริ่มใช้จะมีชาวต่างชาติอยู่ในประเทศไทยเกินกำหนดเดินทางออกนอกประเทศจำนวนมาก
 
ด้าน พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ทางการมาเลเซียมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 4 ราย ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ว่า ทางการไทยก็ได้ข้อมูลของผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 รายแล้ว เบื้องต้นไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงในประเทศไทย และไม่เกี่ยวกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนจะเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่อินโดนีเซียหรือไม่นั้น เป็นเรื่องภายนอกประเทศ โดยยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่พบขบวนการไอเอสในประเทศไทย
 
พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ทางการไทยได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางการมาเลเซียมาตลอด ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีการประชุมประชาคมข่าวในทุกสัปดาห์ ในเรื่องการข่าว และได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจสันติบาล เพื่อตรวจสอบแหล่งชุมชน อพาร์ตเมนต์ ห้องเช่า ที่พักอาศัยของชาวต่างชาติ หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ และผู้ต้องหาได้มีการหลบซ่อนในอพาร์ทเม้นต์ ห้องเช่า เพื่อเป็นประเมินและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นจากการลงพื้นที่ตรวจสอบดังกล่าว ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น