MGR online - ตำรวจดินแดงเรียกดีเจเก่งพร้อมคู่กรณีสอบปากคำ ยึดใบขับขี่ 60 วัน ทั้งสองฝ่าย ขณะที่คู่กรณียอมรับมีส่วนผิดจากอารมณ์โมโหทำให้เรื่องบานปลาย อยากให้จบเรื่อง ด้านดีเจเก่งเผยจะใจเย็นมากขึ้น เคยเฉี่ยวชนมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง ยันทุกเหตุการณ์ที่ปรากฏในสังคมออนไลน์ถูกกฎหมายทุกครั้ง จับมือโชว์สื่อยุติเรื่องบาดหมาง
วันนี้ (10 ม.ค.) เมื่อเวลา10.00 น. ที่ สน.ดินแดง นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ อายุ 35 ปี หรือดีเจเก่ง ดีเจคลื่นวิทยุสวีทเอฟเอ็ม 89.5 เมกะเฮิรตซ์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เอนก ไพรศรี ผกก.สน.ดินแดง และ พ.ต.อ.สมคิด สมบูรณ์ พงส.ผทค.สน.ดินแดง และ ร.ต.ท.สุภกร แสงจันทร์ พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อมาให้ปากคำเพิ่มเติมภายหลังก่อเหตุขับรถกระบะส่วนตัว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌล 9645 กรุงเทพมหานคร ถอยหลังชนรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง หมายเลขทะเบียน กษ 8399 ขอนแก่น เหตุเกิดบริเวณถนนมิตรไมตรี ใกล้ปั๊มน้ำมัน ปตท. แขวง/เขตดินแดง กทม. ก่อนมีผู้ถ่ายคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุการณ์เอาไว้ได้จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบไปต่างๆ นานา เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. นายกวินกาญจน์ ศรีฤาชา อายุ 32 ปี คู่กรณี ได้เดินทางมาเพื่อให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมและรอดูกล้องวงจรปิด พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า วันเกิดเหตุประมาณ 10.00 น. ตนขับรถมาอยู่ในเลนเตรียมเลี้ยวเข้าถนนมิตรไมตรี ซึ่งเป็นจังหวะที่รถของนายภัทรศักดิ์ขับปาดเข้ามาด้านหน้าโดยไม่เปิดสัญญาณไฟขอทาง ซึ่งตนก็ยอม แต่จังหวะที่ขับตามกัน รถของตนหลุดออกจากเลนเลี้ยวเข้าถนนมิตรไมตรี จึงเปิดสัญญาณไฟเพื่อกลับเข้าเลนเดิม โดยรถของตนไปประชิดกับรถของนายภัทรศักดิ์ ทำให้นายภัทรศักดิ์ไม่พอใจชูนิ้วกลางให้ ด้วยความโกรธตนจึงลงจากรถไปเคาะกระจกรถนายภัทรศักดิ์อย่างแรง 1 ครั้ง และเดินกลับมาขึ้นรถ จากนั้นนายภัทรศักดิ์ก็ขยับรถเดินหน้าและถอยหลังมาชน 2 ครั้ง ตามที่ปรากฏในคลิป
หลังจากถูกชน ตนจึงลงจากรถ ตั้งใจจะคุยกับนายภัทรศักดิ์เพื่อเคลียร์และให้ชดใช้ค่าเสียหาย แต่นายภัทรศักดิ์ลงจากรถ พร้อมถือประแจ และพูดจาไม่ดีใส่ตน แต่ตนก็ยอมรับว่าตัวเองก็มีส่วนผิดด้วยที่มีอารมณ์โมโห และเป็นส่วนหนึ่งให้เรื่องบานปลาย ซึ่งอยากให้เรื่องจบ ขอเพียงให้นายภัทรศักดิ์รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถเท่านั้น
ต่อมาเวลา12.00 น. พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 เดินทางมาร่วมสอบคำให้การบุคคลทั้งสอง โดยใช้เวลาสอบคำให้การระหว่างนายภัทรศักดิ์ กับนายกวินกาญจน์ประมาณ 3 ชั่วโมง
ภายหลัง พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุทางตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่าก่อนเกิดเหตุรถถอยชนกันมีที่มาอย่างไร ซึ่งจากภาพวงจรปิดจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณดังกล่าวเนื่องจากรถติดมาก จากพยานหลักฐานภาพวงจรปิด ทำให้ตำรวจแจ้งข้อหากับทั้งสองฝ่าย โดยนายกวินกาญจน์มีความผิดข้อหาแซงในที่คับขัน มีอัตราโทษปรับตั้งแต่ 400 ถึง 1,000 บาท ซึ่งนายกวินกาญจน์ยอมให้ปรับในอัตราโทษสูงสุดคือ 1,000 บาท ส่วนนายภัทรศักดิ์ ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาพยายามทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนข้อหาพยายามฆ่านั้นจากการสอบปากคำผู้ชำนาญการแล้วให้การว่าการชนในลักษณะนี้ไม่สามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตกับคนที่นั่งอยู่ในรถเพราะแรงส่งไม่เพียงพอที่จะทำให้ถุงลมนิรภัยทำงานเลยไม่อันตรายถึงชีวิต จึงดำเนินคดีเรื่องพยายามฆ่าไม่ได้ ขณะที่ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ทางนายกวินกาญจน์ ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ ไม่เอาความ แต่นายภัทรศักดิ์ต้องถูกยึดใบขับขี่เป็นเวลา 60 วัน ตามกฎหมาย
พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของการขับรถที่ไม่มีใครยอมใคร ไม่ให้ทางกัน จึงฝากเตือนไปยังผู้ขับขี่ใช้รถใช้ถนน ให้มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทางและอย่าใช้อารมณ์มาตัดสิน เพราะหากมีอาวุธก็อาจจะนำไปสู่ความสูญเสียมากกว่านี้ได้
ด้านนายภัทรศักดิ์ กล่าวว่า ต่อไปจะพยายามระงับอารมณ์ในขณะขับรถ พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุการณ์เฉี่ยวชนกับรถคันอื่นมาแล้วหลายครั้งจริง ตามที่มีภาพปรากฏในสังคมออนไลน์ แต่ยืนยันว่าขับรถถูกต้องตามกฎหมายทุกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกวินกาญจน์และนายภัทรศักดิ์ ได้จับมือยุติความบาดหมางที่เกิดขึ้น ต่อหน้าตำรวจและสื่อมวลชน ก่อนที่ตำรวจจะสรุปสำนวนของทั้งคู่เพื่อส่งฟ้องต่อศาล