MGR Online - ผบ.ตร. ตั้งโต๊ะแถลงข่าวจับ 9 ผู้ต้องหาค้ายาบ้าได้ที่คลองหลวง ปทุมธานี พร้อมของกลางยาบ้า่เกือบ 4 แสนเม็ด ไอซ์ 3 กก. ปืนเอ็ม 16 - อาก้าอย่างละ 5 กระบอก ระบุเป็นแก๊งใหญ่ของภาคกลาง ผู้ต้องหาบางรายเป็นมือปืนรับจ้าง มีคดีปล้นฆ่าติดตัว ใช้ยาบ้าแลกปืนสงครามจากประเทศเพื่อนบ้าน
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. (ปส 1) พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปส 2) พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ร่วมกันแถลงจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยมีผู้ต้องหา คือ นายประทีป สร้อยทรัพย์ หรือ ชีพ อายุ 43 ปี ปัจจุบันมีคดีปล้นฆ่าติดตัว นายสมศักดิ์ พูนผล หรือ ยุ้ย อายุ 39 ปี นายณัฏฐ์กร นนท์สมบูรณ์ หรือ กอล์ฟ อายุ 40 ปี นายสมพร วัดช้าง อายุ 45 ปี นายสังวาล สาสะเน หรือ กี๋ อายุ 41 ปี นายสุดเขตต์ สุริยวัฒนานนท์ หรือ โอ อายุ 25 ปี นายธีระยุทธ ขำวงษ์ หรือ เจ๋ง อายุ 30 ปี นายสราญ บุญเหลือ หรือ ดิว อายุ 25 ปี นายบุญฤทธิ์ ทรงเจริญ หรือ เก่ง อายุ 30 ปี พร้อมของกลาง ได้แก่ ยาบ้า จำนวน 398,000 เม็ด ยาไอซ์ 3 กิโลกรัม อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 5 กระบอก อาวุธปืน AK-47 จำนวน 5 กระบอก รถยนต์ 3 คัน โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 4 บัตร และเงินสดจำนวนประมาณ 23,000 บาท
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า การจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดครั้งนี้เป็นการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ภูธรภาค 1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกองทัพภาคที่ 3 โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1, 4, 5, 6, 7, 8 และ 9 ได้ที่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจับกุมผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ได้บริเวณถนนทางเข้าสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์ท หมู่ 17 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหากลุ่มนี้มาระยะหนึ่งแล้ว กระทั่งจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญนี้ได้ดังกล่าว โดยเบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา มียาเสพติดไว้ในครอบครอง , มีอาวุธปืนสงครามไว้ในครอบครอง รวมทั้งข้อหาเก่า ๆ อีก
“คดีนี้เป็นคดีที่น่าสนใจคือมีการนำอาวุธปืนสงครามมาแลกเปลี่ยนกับยาบ้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยจากนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.พงศพัศ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบอาวุธปืนเหล่านี้ว่าเคยใช้กระทำผิดในประเทศไทยหรือไม่ เบื้องต้นทราบว่าเป็นปืนจากประเทศเพื่อนบ้านแถบภาคตะวันออก ส่วนผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ลพบุรี และพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ผู้ต้องหาบางส่วนมาจากภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา จ.จันบุรี จ.ระยอง และผู้ต้องหาชื่อนายประทีป มาจาก จ.เพชรบูรณ์ เชื่อว่า เป็นหัวหน้ากลุ่ม ทั้งนี้ ผมเชื่อว่าในช่วงปีใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี 58 คนร้ายน่าจะเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง แต่พอผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วก็เริ่มขยับเคลื่อนไหวอีกครั้งจนนำมาสู่การจับกุมครั้งนี้ ซึ่งจากนี้เจ้าหน้าที่จะป้องกันการค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราวตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเข้มข้นต่อไป” ผบ.ตร.ระบุ
ด้าน พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายภูมิพิพัฒน์ อินทร์ประดิษฐ์ หรือชาย ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดได้ที่จังหวัดทางภาคเหนือ ตั้งแต่ อ.แม่อาย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ต่อมาได้ขยายผลและเฝ้าติดตามมาดักจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่เตรียมจะแลกปืนกันที่ จ.ปทุมธานี ได้ดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าปืนที่ผู้ต้องหานำมาแลกเปลี่ยนกับยาเสพติดนั้น ผู้ต้องหานำปืนมาขายให้ในราคา 45,000 บาท โดยแลกกับยาบ้า 1 มัด ซึ่งราคาปกติปืนเหล่านี้ราคาประมาณ 20,000 บาทเท่านั้น โดยยาบ้าที่จับกุมได้ 398,000 เม็ด เท่ากับยาบ้า 20 มัด นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหา 3 คน มีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้างปล้นฆ่า โดย นายประทีป สร้อยทรัพย์ และ นายสังวาล สาสะเน เคยต้องคดีพยายามฆ่า คดีอยู่ในชั้นศาล ส่วน นายสมพร วัดช้าง อายุ 45 ปี เคยก่อคดีฆ่าผู้อื่นที่จังหวัดชลบุรี
พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า ผู้ต้องหาต้องการนำอาวุธปืนหล่านี้ไปคุ้มกันความปลอดภัยของขบวนการของพวกเขา โดยตอนนี้ทราบตัวเจ้าของปืนสงครามที่นำมาขายให้กับผู้ต้องหากลุ่มนี้แล้วเป็นชาวบ้านในพื้นที่ภาคกลาง เป็นปืนเถื่อนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
ด้าน พล.อ.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เตรียมประสานตำรวจภูธรภาค 5,ปส., ป.ป.ส. ตรวจสอบที่ตัวยาว่าผลิตที่ใด รวมถึงส่งผู้เชี่ยวชาญขยายผลตรวจสอบเรื่องอาวุธปืน เพื่อให้ทราบความเชื่อมโยงของเครือข่ายขบวนการนี้ต่อไป