MGR Online - ประธานสโมสรพัทยา เอฟซี แจ้งความกองปราบ ดำเนินคดี “นรินทร์พงศ์” ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลฯ ฐานทำให้สมาคมเสื่อมเสีย - เกิดความสับสนในองค์กร กรณีให้สัมภาษณ์กล่าวหากรรมการกลางเลือกตั้งนายกสมาคมฯ และเลือกตั้งตัวแทนลีกภูมิภาคไม่มีความเป็นกลาง
วันนี้ (6 ม.ค.)ที่กองปราบปราม นายณฐภณ ปัญญาคณานุกุล อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 509/22 ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และเป็นประธานสโมสรพัทยา เอฟซี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฎหมายของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หลังจากที่ นายนรินทร์พงศ์ ได้กล่าวถึงกรณีการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ คนใหม่ในการแถลงข่าว จนทำให้สมาชิกและสมาคมฯ ได้รับความเสื่อมเสียและสับสน
นายณฐภณ ให้การว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายนรินทร์พงศ์ ได้จัดแถลงข่าวผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งหนึ่ง โดยในระหว่างการแถลงข่าวนั้น นายนรินทร์พงศ์ ได้กล่าวพาดพิงถึงกรณีที่ทางฟีฟ่า ได้จัดตั้งคณะกรรมการกลางการเลือกตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและการเลือกตั้งตัวแทนลีกภูมิภาค (ดิวิชัน 2) ซึ่งมีการลดจำนวนทีมที่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้งนายกฯ จากจำนวน 83 ทีมให้เหลือเพียง 30 ทีม ว่าไม่มีความเป็นกลาง
นายณฐภณ ให้การต่อว่า ตนเองในฐานะที่เป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลฯ คนหนึ่งเห็นว่า จากกรณีดังกล่าวนั้นทำให้สมาชิกได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกิดความสับสนในองค์กร เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ของนายนรินทร์พงศ์ ที่จะต้องเป็นผู้ออกมาให้ข้อมูลกับทางสื่อ อีกทั้งตัวนายนรินทร์พงศ์เองนั้นได้หมดวาระในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 58 ที่ผ่านมา และไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมาคมฟุตบอลฯ ได้อีกจึงทำให้ต้องเดินทางมาเข้าแจ้งความเอากับทางพนักงานสอบสวนดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ต.ธนวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาพร้อมกับสอบปากคำผู้กล่าวหาเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริง แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด อีกทั้งสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของทาง กก.2 บก.ป. ตนจึงได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้กับทางผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนเตรียมประสานส่งเรื่องต่อให้กับ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เจ้าของพื้นที่รับไปพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป