สน. พระอาทิตย์
สัญญาณความโดดเด่นของ “ปู ฟาสท์แทร็ค” ก็เหมือนเป็นสัญญาณเตือนส่งไปถึง “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ แม่ทัพใหญ่สีกากี หากยังหยุดนิ่งเป็น “ผบ.เสียทรง” เหมือนฉายาที่สมาคมผู้สื่อข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย สะท้อนการทำงานที่ผ่านมา แม้”บิ๊กแป๊ะ”จะเหลืออายุราชการบนเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ถึงปี 2563 หรืออีก 5 ปี ข้างหน้า อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ....
เปิดศักราชปี 2559 แวดวง”สีกากี”ปีนี้ นายตำรวจที่ต้องถูกแปะชื่อเอาไว้ว่าน่าจับตามากที่สุด คงหนีไม่พ้น “บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) เจ้าของฉายา “ปู ฟาสท์แทร็ค” ของสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ประจำปี 2558
การเขย่งก้าวกระโดดพรวดๆ เลื่อนขั้นจากเก้าอี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2557 ต่อมาวันที่ 1 ต.ค.2558 ขยับขึ้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ตามสิทธิ์นับอายุราชการทวีคูณชายแดนใต้ และถัดมาอีก 2 เดือน ก็ได้รับแต่งตั้งเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.)
ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา มี”บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ที่มีวาระการปรับปรุงแก้ไขกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงจเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร. พ.ศ. 2549 พิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่
โดยเฉพาะการแก้ไขหลักเกณฑ์คุณสมบัติการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นใหม่ ตั้งแต่ระดับ สารวัตร(สว.) ยศ “พ.ต.ต.”ไปจนถึงระดับ จเรตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ยศ พล.ต.อ. ซึ่ง”ตำรวจ”ทั่วประเทศวิพากษ์วิจารณ์พูดถึงด่ากันยับ เนื่องจากมีการชักกระไดการนับอายุราชการ เพื่อเอื้อประโยชน์เพื่อบางกลุ่มเท่านั้น
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ใช้โอกาสนี้ฝ่ากระแสร้อน ชนิดได้ใจคน”สีกากี”ไปเต็มๆ ด้วยการเสนอความเห็นในการประชุม ก.ตร. ”บิ๊กปู-จอมยุทธ์ค้ำถ่อ”ถามถึงที่มาที่ไปการร่างหลักเกณฑ์ใหม่ครั้งนี้ พร้อมๆยกเหตุผลหากจะดำเนินการกันต่อไปอาจขัดข้อกฎหมาย ขัดระเบียบปฏิบัติ เนื่องจากเป็นร่างฯที่เสนอเข้ามาในที่ประชุม ก.ตร. โดยตรงไม่ผ่านความเป็นจากคณะอนุกรรมการ ก.ตร. ชุดใดชุดหนึ่งกลั่นกรองมาก่อน อาจส่งผลทางกฎหมายถ้ามีการฟ้องร้องกันขึ้นในอนาคต
จนจุดประกายให้ “กรรมการ ก.ตร.” ที่มีระดับ รองผบ.ตร. เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ต่างกล้าขึ้นมาจากการเป็นเต่าหดหัวแย่งกันแสดงความเห็นด้วยพัลวัล ทำให้วงประชุม ก.ตร.ไม่อาจดันทุรังผลักดัน ร่างการปรับปรุงแก้ไขกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงจเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร.พ.ศ.2549 ได้ตามความต้องการของบางกลุ่ม แม้จะมีการเคลียร์ใจกับ”เด็กนาย”ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ด้วยข้อเสนอเปิดช่อง “ยกเว้น” ไว้ให้แล้วก็ตาม
กระทั่งวาระ”ยี้ท้ายปีแพะ”ของตำรวจทั่วประเทศถูกตีตก และกลับไปเริ่มต้นใหม่ให้ คณะอนุ ก.ตร. พิจารณาเสนอให้ บอร์ด ก.ตร.ลงความเห็นอีกครั้งหนึ่ง ”บิ๊กปู”โชว์ความสามารถโดดเด่นทางสายบุ๋นแล้วงานสาย “บู๊” เจ้าของฉายา “ปู ฟาสท์แทร็ค” ก็มีผลงานไม่ด้อยกว่ากัน และเริ่มเด่นชัดขึ้นมาเรื่อยๆเป็นลำดับ ตั้งแต่ขึ้นมาเป็น รองผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง รับไม้ต่อมือจาก”บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.โดยเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดกลางกรุง ต่อด้วยการเป็นหัวหน้าชุดทำคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ ความผิดตามมาตรา 112สามารถดำเนินคดีและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมอหยอง สารวัตรเอี๊ยด หรือเสธ.โต รวมทั้งคนอื่นๆได้อีกมากมาย
เช่นเดียวกับการได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการเผยแพร่หนังสือลับมากทางราชการของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล เรื่องการเฝ้าระวังและตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ที่คาดว่าเป็นกลุ่มสมาชิกก่อการร้ายไอเอสที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งยังเป็นหัวหน้าชุดสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีพล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผบช.ศชต. และอดีตหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ระบุว่าถูกกกลุ่มผู้มีอิทธิพลข่มขู่ในการทำคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา
ในปี 2559 บทบาท พล.ต.อ.ศรีวราห์ น่าจะโดดเด่นเพิ่มมากขึ้น ทั้งในงานบริหารงานบุคคล ที่แม้จะยังไม่ได้เป็นผู้บริหารสูงสุด แต่การงัดข้อกฎหมาย งัดระเบียบ มาเตะสกัดการคลอบงำ”กรมปทุมวัน”ชนิดไม่กลัวหน้าอินทร์ หน้าพรหม เหมือนจะส่งสัญญาณให้เห็นกันชัดๆแล้วว่า ไม่กลัวกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม และมั่นใจแบ็กที่คอยสนับสนุนการทำงานอยู่ รวมทั้งการทำงานตามหน้างานความรับผิดชอบด้านความมั่นคง ก็คงทำให้“ปู ฟาสท์แทร็ค” ได้แสดงฝีฝือ แสดงผลงานสู่สายตาตำรวจและประชาชนไม่น้อย
สัญญาณความโดดเด่นของ “ปู ฟาสท์แทร็ค” ก็เหมือนเป็นสัญญาณเตือนส่งไปถึง “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ แม่ทัพใหญ่สีกากี หากยังหยุดนิ่งเป็น “ผบ.เสียทรง” เหมือนฉายาที่สมาคมผู้สื่อข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย สะท้อนการทำงานที่ผ่านมา แม้”บิ๊กแป๊ะ”จะเหลืออายุราชการบนเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ถึงปี 2563 หรืออีก 5 ปี ข้างหน้า
อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ....
เพราะช่วงหลัง “ผบ.เสียทรง” เริ่มถูกเขย่าความแข็งแกร่งของเก้าอี้ “ผู้นำ” มาตั้งแต่เกิดเอกสารลับสันติบาลหลุด จนฝ่ายบริหารบ้านเมือง ฮึ่ม!เพราะข้อมูลที่หลุดเป็นเรื่องความมั่นคงระดับสูงเตือนภัยประเทศ ที่เมื่อออกมาล้วนมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยต่อสายตาชาวโลก จากนั้นก็มาถูกแรงกดดันจากการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ที่ปล่อยให้ “ตำรวจ” ที่ทำคดีถูกกลุ่มอิทธิพลข่มขู่ จนต้องขอลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
แรงบีบทุกอย่างจึงโหมกระหน่ำ “บิ๊กแป๊ะ”
ยิ่งดูเหมือนแรงบีบจะออกมาวัดใจ พล.ต.อ.จักรทิพย์กันตั้งแต่ต้นปีนี้ เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคิวแต่งตั้งโยกย้าย “นายพล” นอกฤดู หลักจากเสร็จสิ้นการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ “นายพัน” ตำแหน่ง รองผบก.-สว. ประจำปี 2558 ที่ล่วงเลยมาตามการขอขยายเวลาจาก ก.ตร. ครั้งล่าสุดไม่เกินวันที่ 31 ม.ค.2559
เมื่อถึงตอนนั้นคงต้อง “วัดใจ” บิ๊กแป๊ะ ในการแต่งตั้งโยกย้าย”นายพล” นอกฤดู จะแสดงความเป็นผู้นำ สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกน้องได้เพียงใด หรือเป็นแค่เพียง “ผบ.ใบสั่ง” ที่รับจากผู้มีอำนาจดำเนินการเท่านั้น นั่นจะเป็นบทพิสูจน์ “ผบ.เสียงทรง” จะทนแรงเสียดสี และการหายใจรดต้นคอของ “ปู ฟาสท์แทร็ค” ยืนระยะอย่างแข็งแกร่งได้อีกนานแค่ไหน ต้องคอยดู