ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดี “จตุพร” กับพวก พาม็อบ นปช.บุกบ้าน “ป๋าเปรม” เมื่อปี 50 ไป 13 มิ.ย.ปีหน้า เหตุอัยการแถลงรอตามตัวผู้ต้องหามาฟ้องอีกหลายราย
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานชุมนุมปิดล้อมบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ คดีหมายเลขดำที่ อ.2799/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และนายศราวุธ หลงเส็ง ผู้ร่วมชุมนุม เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรค 2, 215 และ 216
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2550 นายวีระกานต์ หรือวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับพวกซึ่งเป็นแกนนำ นปช. ร่วมกับนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 และพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้อง เป็นผู้นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคน จากสนามหลวง ไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องกดดันให้ พล.อ.เปรมลาออกจากตำแหน่ง
เมื่อถึงเวลานัดพนักงาน อัยการโจทก์ได้ขึ้นแถลงศาลขอให้เลื่อนการตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ออกไปก่อน เนื่องจากอยู่ระหว่างติดตามผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาลเพิ่มเติม ซึ่งทนายจำเลยไม่คัดค้าน ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 13 มิ.ย. 2559 เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ อ.3531/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ยื่นฟ้องนายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. ความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย, ความผิดฐานเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแต่ไม่เลิก และความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน โดยให้จำคุกนายนพรุจ 2 ปี 8 เดือน และจำเลยที่เหลืออีก 4 คน คนละ 4 ปี 4 เดือน จากกรณีชุมนุมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีฯ ปี 2550 ซึ่งเป็นอีกสำนวนคดีหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน
สำหรับคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ทั้ง 3 สำนวน อัยการยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องอีก 5 ราย เช่น นายจรัล ดิษฐาอภิชัย, นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ, นายบรรธง สมคำ และ ม.ล.วีระยุทธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา หรือนายวิชิต เพียโคตร ส่วน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ต้องหาร่วมได้เสียชีวิตแล้ว และนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาร่วมอีกรายขณะนี้ได้หลบหนีอยู่ต่างประเทศจึงยังไม่ได้ฟ้อง
ด้านนายจตุพรกล่าวภายหลังว่า อัยการขอเลื่อนคดีไปวันที่ 13 มิ.ย.นี้ เนื่องจากยังมีผู้ต้องหาอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง เมื่อถามถึงกรณีแจ้งข้อกล่าวหาชุมนุม 5 คนขึ้นไปกับนักศึกษาที่นั่งรถไฟไปทำกิจกรรมที่อุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น ตนก็มองว่าชาวบ้านที่มาต่อต้านนักศึกษาที่บริเวณสถานีบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก็มีเกินกว่า 5 คนขึ้นไปเช่นกัน ดังนั้นหากจะดำเนินคดีนักศึกษาก็ควรจะดำเนินคดีต่อชาวบ้านด้วย จะได้ไม่เป็นการกระทำสองมาตรฐาน และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้แตกต่างจากกรณีหลวงปู่พุทธะอิสระพาชาวบ้าน 200 คนไปชุมนุมที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ
นายจตุพรกล่าวอีกว่า คสช.ควรมีมาตรฐานและวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่ หลักการเป็นผู้นำที่ดีต้องทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ไม่ใช่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ กรณีการตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ ถ้าไปจับคนแชร์ไม่จับคนโกงจะแก้ปัญหาได้หรือเปล่า และควรระมัดระวังความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ด้วย เพราะรัฐบาลเผด็จการในอดีตที่ล้มเหลวนั้นก็ไม่ได้เกิดจากเรื่องใหญ่ เกิดจากเรื่องเล็กๆ เพราฉะนั้นรัฐบาลควรเปิดกว้างให้มากกว่านี้
