MGR Online - “อัจฉริยะ” นำกลุ่มผู้เสียหายสหกรณ์ฯ คลองจั่น เดินทางมาร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรม หลังครบ 3 ปี จับกุมได้เพียง “ศุภชัย” ประธานคณะกรรมการ ด้านตัวแทนดีเอสไอแจงรายละเอียด 7 คดีกำลังดำเนินการอยู่ คาดจะทำให้เสร็จเดือน ธ.ค.นี้
วันนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม พร้อมผู้เสียหายจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กว่า 30 คน เดินทางยื่นเอกสารร้องทุกข์ โดยมี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี และ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวเป็นผู้รับเรื่อง
พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวว่า ผลการดำเนินคดีเกี่ยวกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ดีเอสไอได้ดำเนินคดี รวม 7 คดี ประกอบด้วย 1. คดีที่ 146/2556 กรณีนายพิษณุ ชีวะสิทธิ์ กับพวก ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น กับพวก ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายศุภชัยกับพวกแล้ว ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้วเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2557 ก่อนจะมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมในส่วนของเช็ค 787 ฉบับ ซึ่งเราก็ดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมส่งให้พนักงานอัยการเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวอีกว่า 2. คดีพิเศษที่ 63/2557 กรณีนายสมาน ครองเมือง กับพวก รวม 2,205 คน ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ คลองจั่น และนายไพโรจน์ จำลองราษฎร์ ผู้รับมอบอำนาจจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อนายศุภชัยกับพวกในข้อหาฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายกว่า 6,000 ล้านบาท ดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายศุภชัยกับพวกรวม 12 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และส่งให้อัยการแล้วเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา 3. คดีพิเศษที่ 64/2557 น.ส.สุดาภรณ์ กองธรรม ผู้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ คลองจั่น ซึ่งเป็นชุดชั่วคราว ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายศุภชัยในข้อหายักยอกทรัพย์ มูลค่าความเสียหาย 27 ล้านบาท ในคดีนี้ดีเอสไอได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องนายศุภชัยในข้อหายักยอกทรัพย์ โดยพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องนายศุภชัยในข้อหาเดียวกัน และจะมีการนัดสืบพยานโจทย์ครั้งแรกในวันที่ 8 มี.ค. 2559 ปัจจุบันนายศุภชัยถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
“4. คดีสืบสวนที่ 110/2558 ทนายอัจฉริยะ เอี่ยมดิลกวงศ์ ผู้รับมอบอำนาจจากสมาชิกสหกรณ์ฯ คลองจั่น ได้กล่าวหาให้ดำเนินคดีต่อกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จากการสืบสวนพบว่า เป็นเรื่องที่นายทะเบียนสหกรณ์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงมีพฤติการณ์ดังกล่าว จึงเข้าข่ายเป็นความผิดที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดีเอสไอจึงได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.รับไปพิจารณาแล้วเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา 5. คดีพิเศษที่ 68/2558 กรณีพบว่านายศุภชัยทำการโอนเงินที่ยักยอกมาจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น โดยสั่งจ่ายเช็คให้แก่นายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล และต่อมานายสถาพรได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อทรัพย์สินซึ่งเป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ในนามตนเอง และในนามบริษัท เอสดับบลิวโฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเข้าข่ายผิดฐานฟอกเงิน มูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท คดีนี้ดีเอสไอได้สอบพยานแล้ว 19 ปาก เหลืออีก 5 ปากที่ยังไม่ได้สอบปากคำ จึงคาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้” พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าว
พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า 6. คดีพิเศษที่ 70/2558 กรณีพบว่านายศุภชัยได้นำเงินจำนวนหนึ่งซึ่งเชื่อว่าเป็นเงินที่ได้จากการยักยอกมาจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น ไปซื้อทรัพย์สินเป็นที่ดินในช่วงระหว่างปี 2552 จำนวนหลายแปลง ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในนามตนเองและถือครองกรรมสิทธิ์ ก่อนจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีพิเศษที่ 146/2556 นายศุภชัยได้ขายที่ดิน 8 แปลง ให้แก่ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน และอีก 1 แปลง ให้แก่นางวรรณา จิรกิตติ ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน เสียหายประมาณ 300 ล้านบาท ดีเอสไอได้สอบพยานแล้ว 14 ปาก คงเหลือ 5 ปาก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้เช่นกัน และ 7. คดีพิเศษที่ 99/2558 กรณีพบว่านายศุภชัย นำเงิน 321.4 ล้านบาท ซึ่งสั่งจ่ายเป็นเช็ค 10 ฉบับ โดยเป็นเงินที่ได้มาจากการยักยอกสหกรณ์ฯ คลองจั่น ไปซื้อหุ้นของบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน เสียหายประมาณ 320 ล้านบาท ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 2558
ด้านนายอัจฉริยะเปิดเผยว่า วันนี้ครบรอบ 3 ปี แต่การทำคดีค่อนข้างล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรมเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายกว่า 21,000 ล้านบาท แต่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพียงคนเดียว คือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ คลองจั่น โดยทางกลุ่มผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุเกือบทั้งหมดรอไม่ไหวแล้วจึงเดินทางมาร้องเรียนเพื่อต้องการความชัดเจนและให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดที่ยังไม่่ได้รับการลงโทษ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวด้วย