ผบช.น. เผยผลสอบชาวซีเรีย 3 คน ที่อยู่ในประเทศไทยเกินเวลากำหนด (Over stay) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้าย IS หลังเอกอัครราชทูตแห่งรัสเซียประจำประเทศไทย เข้าร่วมสอบปากคำ
วันที่ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.5 พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และนายกีริล มิไฮโลวิช บรัสกี เอกอัครราชทูตแห่งรัสเซียประจำประเทศไทย เข้าร่วมสอบปากคำชาวต่างชาติถือหนังสือเดินทางซีเรีย 3 คนที่อยู่ในประเทศไทยเกินกำหนดเวลา ประกอบด้วย 1. นายนาว์เฟล ฮัซซัน (Mr.Nawfal Hassoun) อายุ 34 ปิ ซึ่งเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหลังมีภาพปรากฏในสื่อ 2. นายอับดุล อาซิซ อรุค (Mr.Abdul Aziz Arouk) อายุ 44 ปี อาชีพนักร้อง ซึ่งถูกตำรวจ สน.ลุมพินี เชิญตัวมาให้ข้อมูล และ 3. นายมูอยาด เฮยาติ (Mr.Mouayad Hayati) อายุ 29 ปี ซึ่งเข้าพบตำรวจลุมพินีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลทั้ง 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายไอเอสหรือไม่
หลังสอบปากคำเสร็จเรียบร้อย พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า วันนี้เชิญเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง บช.น. สตม. และทูตรัสเซียประจำประเทศไทย มาร่วมสอบปากคำชาวต่างชาติทั้ง 3 ราย หลังจากสอบปากคำกว่า 3 ชั่วโมง ทำให้เชื่อได้ว่าชาวต่างชาติทั้ง 3 รายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบกับทางทูตรัสเซียก็ยืนยันว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำพบว่า นายอับดุล อาซิซ อรุค เข้ามาประเทศไทย เพื่อประกอบอาชีพร้องเพลง อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งตรวจสอบพบว่าอยู่เกินเวลากำหนด (Over stay) เท่านั้น อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของ นายนาว์เฟล ฮัซซัน นั้น เข้าแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทุ่งมหาเมฆ โดยพบว่ามีภรรยาเป็นคนไทย อาศัยอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งก่อนหน้านี้ เปิดร้านอาหารอิตาลี ก่อนจะปิดกิจการและเตรียมมาเปิดร้านอาหารในกรุงเทพฯ ภรรยาจึงพา นายนาว์เฟล ฮัซซัน มาแสดงตัวพร้อมยืนยันว่าสามีบริสุทธิ์ ส่วน นายมูอยาด เฮยาติ ซึ่งเข้ามอบตัวที่ สน.ลุมพินี พร้อมยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น โดยหลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทราบเรื่อง ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวมาที่ สน. เพื่อกำชับให้พิสูจน์ทราบให้หายสงสัย และให้เป็นธรรมที่สุด
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ ทำให้อนุมานได้ว่าทั้ง 3 คน ที่ถูกเชิญตัวมาให้ข้อมูลในวันนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยยืนยันว่า มาตรการที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงลงพื้นที่เอกซเรย์นั้น ได้กระทำทุกตารางนิ้ว และกำชับให้ตำรวจทุกนายโดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาลงมาขับเคลื่อนด้วยตนเอง
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวที่ระบุว่า มีการจับกุมผู้ต้องหาที่เชื่อว่าอยู่ในกลุ่มไอเอสได้ที่ประเทศกัมพูชานั้น จริงหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า อย่าไปฟังเลย เน้นบ้านเราประเทศเราดีกว่า อย่าตื่นตระหนกกับกระแสข่าว ทั้งนี้ อยากฝากถึงสื่อมวลชนให้ระวังเรื่องการนำเสนอข่าว เนื่องจากต้องช่วยกันปกป้องบ้านเมือง และทำให้คนอยากมาลงทุน อยากมาท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหลังจากที่มีข่าวเรื่องหนังสือลับออกไปนั้น ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และทำให้หุ้นตก ชาวต่างชาติไม่กล้าเข้ามาเที่ยวและมาลงทุน
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า ข้อมูลใด ๆ ที่เป็นความลับของราชการ หากหลุดจากผู้ใต้บังคับบัญชา ตนจะตรวจสอบและดำเนินการต่อไป แต่ตนเชื่อว่า ไม่น่าจะหลุดจากตำรวจใต้บังคับบัญชาแน่นอน