MGR Online - “บช.น.” ดีเดย์ตั้งกองปราบจราจรเพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบ จับ ปรับ ล็อกล้อ ยกรถ ในเส้นทาง 11 ถนนพรุ่งนี้ ตามโครงการแก้ไขปัญหาการจราจรให้เห็นผลดีขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 3 เดือน
วันนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รอง ผบก.จร. ดูแลงานกิจการพิเศษ เปิดเผยถึงกรณีที่ตามที่ บช.น.ได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาการจราจรให้เห็นผลดีขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 3 เดือน โดยมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด โดยกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ได้ตั้งชุดปฏิบัติการตามโครงการกองปราบจราจร เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบ จับ ปรับ ล็อกล้อ ยกรถ ในเส้นทาง 11 ถนนที่เป็นเส้นทางเข้าออกกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนงามวงศ์วาน ถนนบรมราชชนนี ถนนเพชรเกษม ถนนพระราม 2 ถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ถนนรามอินทรา ถนนลาดพร้าว ถนนเกษตร-นวมินทร์ โดยจะเริ่มปฏิบัติในวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ที่ถนนสุขุมวิท ตั้งแต่บริเวณซอยนานาจนถึงปากซอยสุขุมวิท 62
ทั้งนี้ สำหรับในส่วนของ สน.ต่างๆ ได้กำหนดให้มีการปฏิบัติตามโครงการกองปราบจราจร โดยจะบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่หยุดรถหรือจอดรถผิดกฎหมาย และในลักษณะกีดขวางการจราจรในทุกถนน และเก็บของที่ตั้งวางอยู่บนพื้นถนนทำให้กีดขวางการจราจรและจะดำเนินการต่อผู้ที่นำสิ่งของดังกล่าวทุกราย และเข้าไปจัดระบบการจราจรในจุดที่มีปัญหา เช่น คอขวด จุดตัด ทางร่วม ทางแยก ทางขึ้นลงทางด่วน รวมถึงให้ทุกพื้นที่ทั้ง 88 สน.เริ่มปฏิบัติพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.เป็นต้นไป ทั้งในช่วงเช้าและช่วงเย็นก่อนช่วงเวลาเร่งด่วน โดยจะเน้นกวดขัน จับ ปรับในอัตราสูงสุดกับรถทุกคันที่จอดในลักษณะกีดขวางจราจรในถนน 11 สายดังกล่าว เพื่อเป็นการคืนพื้นผิวการจราจรให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน
นอกจากนี้ ทาง บก.จร.ได้จัดทำโครงการฝ่าฝืนกฎ รถติด จับแน่ จะเริ่มดำเนินการในถนนสุขุมวิทก่อน ตั้งแต่ช่วงซอยนานาถึงบริเวณสุขุมวิท 62 โดยจะบูรณาการกำลังจาก บก.จร.ร่วมกับ สน.ในพื้นที่รับผิดชอบวางกำลังจุดตัดทางร่วม ทางแยก ทางเชื่อม ทางขึ้นลงทางด่วนที่เกิดปัญหาบ่อยครั้งรวมถึงบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าที่มักมีรถสาธารณะจอดแช่ โดยจะอำนวยความสะดวกจนกว่าการจราจรจะคลี่คลาย
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า จากการตรวจสอบระยะทางในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครเปรียบเทียบกับการใช้รถยนต์ พบว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ถนนทั้งหมด 4,000 กิโลเมตร แต่จำนวนรถยนต์มีจำนวน 8,600,000 คัน เปรียบได้อัตราส่วน 1:6 เท่าของผู้ใช้ถนน ซึ่งแน่นอนว่าการจราจรต้องติดขัดอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคำสั่งจากผู้บัญชาการก็ต้องจำเป็นที่จะต้องจัดระเบียบให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือนให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดการรถโดยสารที่จอดตามป้ายประจำทางจะมีมาตรการอย่างไร พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือจากเจ้าของรถไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่ รถยนต์ส่วนตัว จักรยานยนต์รับจ้าง ให้จอดชิดริมถนนหรือริมฟุตปาธ หรือจอดเว้นระยะห่างจากฟุตปาธไม่เกิน 50 เมตรเท่านั้น เพื่อไม่ให้เดือดร้อนต่อการเดินรถของประชาชนทั่วไป
ถามอีกว่า รู้สึกท้อกับการแก้ไขปัญหาการจราจรหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์ตอบว่า ตนสะกดคำว่าเหนื่อยไม่เป็น ท้อก็สะกดไม่เป็น เจ้าพ่อเจ้าแม่ก็สะกดไม่เป็น ทำงานแบบนี้มีสมาธิกับการทำความดี ไม่เคยหวั่นไหว มั่นใจว่าจะทำความดีเพื่อพี่น้องประชาชน เพื่อประเทศชาติ และมอบความสุขให้ประชาชนตลอดไป
