MGR Online - ตร.และผช.ทูตฝรั่งเศสร่วมกันแถลงข่าวจับกุมหนุ่มใหญ่เมืองน้ำหอม ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่กลางเมืองหลวงขณะหนีมากบดานตั้งแต่ปี 56 โดยผู้ต้องหารายนี้เป็นมาเฟียรายใหญ่ใช้ซูเปอร์คาร์ส่งยาเสพติด
วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านต่างประเทศ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ผบก.ตท.) และนางแคทเธอรีน อ็อกกินี ผู้ช่วยทูตฝ่ายกิจการตำรวจ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายอังเดร เอสปิแอสส์ กาโบ อายุ 39 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ทางการฝรั่งเศสต้องการตัว โดยจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียม ลุมพินีวิว สุขุมวิท 77 เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจสันติบาลพร้อม พร้อมด้วยตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ สน.พระโขนง ได้รับการประสานงานข้อมูลทางลับจากตํารวจสากล ประเทศไทย และสํานักงานตํารวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่า นายอังเดร เอสปิแอสส์ ผู้ต้องหาได้ใช้หนังสือเดินทางปลอมของประเทศฝรั่งเศส ระบุชื่อ นายอันเดร โดเน็ตโต เดินทางเข้าออกประเทศไทย และท้ายที่สุดมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยระยะยาวมา ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2556 จึงได้ทำการจับกุมนายอังเดร ในข้อหามีและใช้หนังสือเดินทางปลอม และข้อหาเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวต่อไปว่า ตํารวจสากลประเทศไทยได้ประสานงานกับตํารวจประเทศฝรั่งเศส อย่างต่อเนื่องให้มีการตรวจสอบประวัติและพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหารายนี้ จึงทราบภายหลังว่า ผู้ต้องหามีประวัติก่อคดีอย่างโชกโชน เป็นมาเฟียค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ประเทศฝรั่งเศสต้องการตัว เป็นอย่างยิ่ง เดินเข้าออกเรือนจํามามากกว่า 10 ครั้ง ซึ่งการกระทําผิดครั้งล่าสุดนั้น ได้ร่วมกับพวกใช้ ขบวนรถสปอร์ตที่มีความเร็วสูงลักษณะเหมือนภาพยนตร์เรื่อง เร็วแรงทะลุนรก (Fast and Furious) ลักลอบขนยาเสพติด โคเคนจํานวน 4 กก. และยาอีอีกจํานวน 10,000 ห่อ จากกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และลักเซ็มเบอร์ก) เข้าประเทศฝรั่งเศสจนถูกจับกุมดําเนินคดี และศาลได้สั่งลงโทษจําคุก เป็นเวลา 10 ปี ในปี 2548 หลังจากใช้โทษแล้ว 7 ปี จึงขอพักโทษ ในปี 2554 โดยในระหว่างพักโทษ 3 ปีนั้นได้หลบหนีออกนอกประเทศฝรั่งเศสโดยใช้หนังสือเดินทางปลอม เข้ามากบดานอยู่ในประเทศไทย และระหว่างที่อยู่ในประเทศไทย เครือข่ายยาเสพติดภายใต้การนําของน้องชายผู้ต้องหาก็ถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามจนเสียชีวิต ซึ่งคาดว่าเป็นการกระทําโดยเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติด้วยกันจนเป็นข่าวใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมาด้วย
ขณะที่ พล.ต.อ.วุฒิกล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นผลมาจากการดำเนินการตามมาตรการตรวจสอบการใช้หนังสือเดินทางปลอมซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือ AEC โดยตนได้สั่งการให้มีการตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2557 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในปะเทศไทยกว่า 12 ล้านคน พบว่ามีการใช้หนังสือเดินทางปลอมจำนวน 550 เล่ม ทั้งนี้ กระบวนการตรวจสอบหนังสือเดินทางปัจจุบันมีความรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 0.03 วินาทีเท่านั้น เนื่องจากตนได้สั่งการให้มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกับฐานข้อมูลตำรวจสากล นอกจากนี้ตนเองได้สั่งให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศได้จัดทำแผนที่อาชญากรรมซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในแต่ละท้องที่ ทำให้ตำรวจสามารถรู้ข้อมูลทั้งหมดของชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในประเทศไทย สำหรับการตรวจสอบหนังสือเดินทางปลอม และการเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนี้จะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องซึ่งจะมีการแถลงภาพรวมของการปฏิบัติได้ต่อไป
ด้านนายอังเดรให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้รถสปอร์ตหรูขนยาเสพติดเข้าประเทศฝรั่งเศสจริง แต่หลังเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยก็ไม่ได้ติดต่อกับขบวนการขนยาเสพติดในประเทศฝรั่งเศสอีก มีเพียงการติดต่อกับครอบครัวเท่านั้น และที่หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเพราะว่าชอบวิถีชีวิตในประเทศไทย ทั้งนี้ ระหว่างที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยตนเองไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร เบื้องต้นภายหลังการแถลงข่าวตำรวจนำตัวนายอังเดรส่งพนักงานสอบสวน สตม.ดำเนินคดีในข้อหาข้อหาเข้ามาหรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเตรียมผลักดันออกนอกประเทศต่อไป