MGR Online - ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้กักขัง 1 เดือน “สุดสงวน สุธีสร” หรือ อ.ตุ้ม อาจารย์ มธ. พามวลชนเสื้อแดงวางพวงหรีดประท้วงก่อความวุ่นวายหน้าศาลแพ่ง ปี 2557
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี หมายเลขแดงที่ 4294/2558 ซึ่งมีผู้อำนวยการประจำศาลแพ่ง กล่าวหาว่า นางดารุณี กฤตบุญญาลัย, นางสุดสงวน สุธีสร หรืออาจารย์ตุ้ม อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 ประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาล ระหว่างพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 หลบหนี ศาลจึงออกหมายจับและจำหน่ายคดีของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ชั่วคราว ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-3 ให้การรับสารภาพ
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-3 คนละ 1 เดือน ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-3 อุทธรณ์ ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์จึงจำหน่ายคดีเฉพาะผู้ถูกล่าวหาที่ 3 ออกจากสารบบความ
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต และปริญญาโท สาขาอาชญาวิทยา จากสหรัฐอเมริกา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ย่อมทราบดีถึงขั้นตอนในการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล และย่อมทราบว่าการที่ร่วมกันชุมนุมในบริเวณศาล โดยนำพวงหรีดที่มีข้อความว่า “แด่ความอยุติธรรมของศาลแพ่ง” พร้อมตะโกนว่าศาลแพ่งอยุติธรรม ซึ่งเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ทั้งยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อถือ ศรัทธาของสังคมต่อศาลยุติธรรม พฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีความยำเกรงต่อกฎหมาย และไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศชาติอันเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จะไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนก็ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษ หรือรอการกำหนดโทษให้ อย่างไรก็ดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 รับราชการเป็นอาจารย์ในคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีตำแหน่งถึงรองศาสตราจารย์ ถือว่าได้ทำคุณประโยชน์แก่ทางราชการ จึงเห็นควรให้ลงโทษกักขังผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 แทนโทษจำคุก
พิพากษาแก้เป็นให้เปลี่ยนโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นกักขังแทน มีกำหนด 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว นางสุดสงวนได้ยื่นประกันตัวระหว่างฎีกาซึ่งศาลพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวโดยตีราคาประกันเป็นเงินสด 5 หมื่นบาท ขณะที่บรรยากาศ ที่ศาลแพ่ง มีกลุ่มแนวร่วม นปช.เดินทางมาให้กำลังใจพร้อมมอบดอกไม้ให้นางสุดสงวนประมาณ 50 คน โดยมีกำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จัดชุดเคลื่อนที่เร็วดูแลความเรียบร้อยบริเวณถนนรัชดาภิเษก และมีกำลังตำรวจจาก สน.พหลโยธิน ดูแลความเรียบร้อยบริเวณภายในอาคาร และ บริเวณโดยรอบศาลแพ่ง
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2557 นางดารุณี นักธุรกิจไฮโซ แนวร่วม นปช. กับพวก นำมวลชนจำนวนมากรวมตัวกันที่หน้าอาคารศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก มีการอ่านแถลงการณ์ วางพวงหรีด และชูป้ายข้อความวิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลแพ่งคดี กปปส.ฟ้องเพิกถอนการออกประกาศตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาผูกติดไว้กับประตูรั้ว เพื่อแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าว
ต่อมาศาลแพ่งได้ไต่สวน และตรวจดูภาพที่ได้มีการบันทึกเหตุการณ์ไว้แล้ว และเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2557 จึงมีคำพิพากษาให้จำคุก นางสุดสงวน และนายพิชา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-3 คนละ 2 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล แต่รับสารภาพจึงเหลือโทษจำคุกคนละ 1 เดือน แต่ไม่ได้มีการรอการลงโทษ เนื่องจากการกระทำนั้นอุกอาจ เป็นการท้าทายศาล